“เอสซีจี เซรามิกส์” ลั่นครึ่งปี 65 ยังแข็งแกร่ง ชี้พร้อมรับมือสถานการณ์-ปัจจัยเสี่ยง เร่งผลักดันสินค้านวัตกรรม พลังงานทางเลือก

  • เผยแผนเตรียมรับมือทั้งโอกาส และความผันผวนในครึ่งปีหลัง
  • โชว์ผลประกอบการครึ่งปีแรก 65 กำไรเติบโต 4% ยอดขายเติบโต 17% 
  • เผยเจอราคาพลังงานและวัตถุดิบ หั่นกำไรลดลง 
  • ยังมั่นใจกลุ่มลูกค้าหลักในประเทศและต่างประเทศโตได้ 
  • พร้อมเร่งพัฒนาช่องทางจัดจำหน่ายร่วมกับผู้แทนจำหน่าย รวมถึงช่องทางออนไลน์ 
  • คาดตลาดช่วงครึ่งปีหลังนี้ จะชะลอตัวลงจากครึ่งปีแรก ส่วนหนึ่งเพราะตามฤดูกาลแต่จะดีกว่าปีที่แล้ว 

นายนำพล มลิชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ COTTO ผู้ผลิตและจำหน่ายกระเบื้องภายใต้แบรนด์คอตโต้ (COTTO) โสสุโก้ (SOSUCO) และ คัมพานา (CAMPANA) เปิดเผยถึงผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2565 ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 6,606 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนโดย สามารถทำกำไรสำหรับงวดครึ่งปีได้ 378 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% ใกล้เคียงที่คาดการณ์ไว้  จากการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการบริหารและการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการปรับราคาขายเฉลี่ยเพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้น เพื่อลดผลกระทบจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นด้วย

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2/2565 ในส่วนของรายได้จากการขาย บริษัทฯ ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสที่ผ่านมา โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 3,376 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากการขายสินค้าทั้งตลาดในประเทศไทยและต่างประเทศ ทั้งนี้ ด้านการส่งออกยังคงมีการขยายตัวที่ดี โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ เมียนมาร์ กัมพูชาและลาว  อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีกำไรสำหรับงวด 167  ล้านบาท ลดลง 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  สาเหตุสำคัญ ได้แก่ ราคาต้นทุนพลังงานและราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นมาโดยตลอดตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา

นายนำพล กล่าวว่า คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมก่อสร้างและวัสดุก่อสร้างปี 2565 จะยังคงขยายตัว แม้ว่าจะมีต้นทุนที่สูงขึ้นและตลาดที่อยู่อาศัยในช่วงครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยกลุ่มผู้บริโภคระดับกลาง-บน ยังมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยและมีพฤติกรรมการเลือกซื้อเปลี่ยนไป คือ มีความต้องการบ้านแนวราบนอกเมืองที่มีบริเวณมากขึ้น นอกจากนี้ กลุ่มลูกค้าประเภทงานโครงการทั้งขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่เป็นฐานลูกค้าสำคัญของบริษัทฯ ยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจ นอกเหนือจากราคาพลังงาน รวมถึงราคาวัตถุดิบต่าง ๆ ที่ปรับตัวสูงขึ้นแล้ว ยังมีประเด็นท้าทายที่ธุรกิจต้องเผชิญในระยะอันใกล้  คือ เรื่องอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้นซึ่งเป็นแรงกดดันฉุดให้ผู้บริโภคตัดสินใจชะลอแผนซื้อที่อยู่อาศัยแม้ว่าจะยังมีความต้องการซื้อประกอบกับความผันผวนของค่าเงินและค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นตามราคาพลังงาน ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ติดตามสถานการณ์มาโดยตลอด เพื่อวางแผนการผลิตและบริหารพอร์ตสินค้าได้อย่างเหมาะสม เนื่องจากเป็นทั้งผู้นำเข้าสินค้ากระเบื้องเซรามิคและเป็นผู้ผลิตส่งออกลำดับต้นของประเทศ

อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลังนี้  ยังมีปัจจัยที่ส่งผลดีต่อตลาดวัสดุก่อสร้าง ได้แก่ มาตรการเปิดประเทศซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและภาคการท่องเที่ยวให้ทยอยฟื้นตัวได้ จึงทำให้บริษัท ฯ เชื่อมั่นว่าในครึ่งปีหลังนี้จะยังสามารถเติบโตได้เมื่อเทียบกับปีก่อน

ทั้งนี้ แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่จากการที่บริษัทฯ ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและมีการบริหารจัดการธุรกิจเชิงรุก ทำให้เชื่อมั่นว่าจะยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันผ่านกลยุทธ์ต่างๆ ได้ ทั้งจากการบริหารจัดการต้นทุนและลดความเสี่ยงด้วยการวางแผนการผลิตควบคู่ไปกับการบริหารพอร์ตสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดและกลุ่มลูกค้าหลัก การจัดการสินค้าคงคลังอย่างเป็นระบบ ตลอดจนการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับพลังงานหมุนเวียนและพลังงานทดแทน เพื่อการประหยัดและลดการใช้พลังงาน

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเร่งดำเนินการตามแผนงานอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องการพัฒนาช่องทางจัดจำหน่ายร่วมกับผู้แทนจำหน่าย ร้านค้าโมเดิร์นเทรด รวมถึงช่องทางออนไลน์ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกและเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่มทุกพื้นที่  

ทั้งยังขยายสาขาของธุรกิจร้านค้าปลีกกระเบื้องเซรามิก หรือ “คลังเซรามิค” ตลอดจนพัฒนาโมเดลความร่วมมือใหม่ๆ กับผู้แทนจำหน่ายเพื่อเร่งขยายสาขาให้ครอบคลุมพื้นที่เป้าหมายตามแผนงานประจำปี ควบคู่ไปกับการปรับราคาสินค้าเพื่อให้เป็นไปตามกลไกของตลาด โดยบริษัทฯ หลีกเลี่ยงการแข่งขันทางด้านราคาแต่จะมุ่งสร้างความแตกต่างด้วยการพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ลูกค้ามากที่สุด

“ไตรมาสที่ผ่านมา จากการนำเสนอสินค้าผ่านงานสถาปนิก’65 เรายังได้รับการตอบรับที่ดีหลังจากที่ห่างหายจากการออกงานไปประมาณ 2 ปีเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มนวัตกรรมในกลุ่ม Health and Clean ที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในปัจจุบันและสินค้าในกลุ่ม ECO Collections ที่มีการลดการใช้ทรัพยากรใหม่มากถึง 80%” นายนำพล กล่าว

ทั้งนี้ เมื่อคาดการณ์ถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง ประกอบกับกระแสความตื่นตัว ทั้งในเรื่องของสุขภาพ ความเป็นอยู่ที่ดีรวมถึงการให้ความสำคัญกับพลังงานทางเลือกมากขึ้น นับว่าเป็นโอกาสดีที่บริษัทฯ จะเร่งผลักดันและนำเสนอนวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม เพื่อรุกตลาดไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ที่ใส่ใจในเรื่องสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี พร้อมกับมุ่งนำเสนอนวัตกรรมรักษ์โลก ที่สร้างการมีส่วนร่วมในการดูแลสิ่งแวดล้อมของแบรนด์ SUSUNN ซึ่งเป็นธุรกิจให้คำปรึกษา ออกแบบ จัดจำหน่าย และติดตั้งระบบผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนและพลังงานสะอาดหลากหลายประเภท

“ล่าสุด แบรนด์ COTTO สามารถคว้ารางวัล Thailand’s Most Admired Brand 2022 ติดต่อกันเป็นปีที่ 11 ในฐานะแบรนด์ที่สามารถครองความน่าเชื่อถืออันดับ 1 ในหมวดกระเบื้องเซรามิกปูพื้น บุผนัง จากการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภค โดยนิตยสาร BrandAge เปรียบเสมือนคำมั่นสัญญาที่ทำให้เรามุ่งมั่นพัฒนาสินค้าและบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และมีส่วนร่วมในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน สังคมและสภาพแวดล้อมอย่างยั่งยืนเพื่อตอบแทนความไว้วางใจที่ลูกค้ามีให้เราตลอดมา” นายนำพล กล่าว