เหตุประท้วงในเมียนมาฟาดหางธุรกิจไทย



  • ห้าง-ร้านปิดเซลส์แมนออกไปขายสินค้าไม่ได้
  • ธุรกิจอ่วมซ้ำหลังซมพิษโควิด-19ก่อนหน้านี้
  • รายได้ไม่มี-รายจ่ายบาน-ทำได้แค่ประคองธุรกิจ

นายกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์ ประธานสภาธุรกิจไทย-เมียนมา เปิดเผยว่า ขณะนี้ นักธุรกิจของไทยที่ทำการค้ากับเมียนมา ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ประท้วงในเมียนมา ที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้ว โดยเฉพาะนักธุรกิจในกลุ่มนำเข้า-ส่งออก หลังจากก่อนหน้านี้ ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้เศรษฐกิจ เมียนมาซบเซา และการปิดด่านการค้าไทย-เมียนมาหลายแห่ง จนให้มูลค่าการค้าระหว่างกันปี 63 ลดลงมาก

สาเหตุที่ธุรกิจไทยได้รับผลกระทบแล้ว เพราะไม่สามารถออกไปทำตลาด หรือเซลส์แมนไม่สามารถออกไปขายสินค้าให้กับลูกค้าได้ เนื่องจากเหตุการณ์ประท้วงที่รุนแรงมากขึ้น จนทำให้เกิดความไม่ปลอดภัย อีกทั้งร้านค้า ห้างสรรพสินค้าต่างๆ ในหลายเมือง ปิดร้านจำนวนมาก เพื่อความปลอดภัย และพนักงานนัดหยุดงานเพื่อไปร่วมการประท้วง จึงทำให้สินค้าของไทยไม่สามารถขายได้เลย

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าขณะนี้ สินค้าไทยยังข้ามแดนส่งออกไปเมียนมาได้ตามปกติ เพราะไม่มีการปิดด่านเพิ่มเติม และคนเมียนมาหันมาใช้สินค้าไทยมากขึ้น จากการต่อต้านใช้สินค้าเมียนมาที่ผลิตจากบริษัท ที่เกี่ยวข้องกับกองทัพ แต่ก็แทบไม่มีประโยชน์อะไรเลย ถ้าเซลส์แมนยังออกไปเสนอขายสินค้าไม่ได้ ส่งผลให้แทบม่มีรายได้เข้ามาเลย แต่รายจ่ายยังมีเหมือนเดิม โดยเฉพาะค่าจ้างพนักงาน แม้ต้องการพักการจ้างงานชั่วคราว แต่ก็ทำไม่ได้ ดังนั้น ตอนนี้ สิ่งที่ทำได้คือ รอดูสถานการณ์ และประคับประคองการจ้างงาน

ด้านนายธนวุฒิ นัยโกวิท ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา กล่าวว่า ล่าสุด บริษัทต่างๆ ของชาติตะวันตกที่ลงทุนในเมียนมา ประกาศหยุดกิจการชั่วคราว เช่น แบรนด์เสื้อผ้า H&M หยุดสั่งสินค้าจากโรงงานรับจ้างผลิต 56 แห่งในเมียนมาชั่วคราว ขณะที่บริษัทของสหรัฐฯ ยุโรป เกาหลีใต้ ฯลฯ มีแผนจะให้พนักงานย้ายสถานที่ทำงานจากเมียนมาไปประเทศอื่น เช่น ไทย สิงคโปร์ เพื่อความปลอดภัยจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

“การที่หลายประเทศประณามการใช้ความรุนแรงของกองทัพ และทยอยทบทวนแผนการหยุด หรือชะลอ หรือเลื่อนการทำธุรกิจในเมียนมา ทำให้เมียนมาต้องหันมาพึ่งพาตนเองมากขึ้น และทำการค้ากับเพื่อนบ้าน เช่น จีน อินเดีย และไทยมากขึ้น จึงน่าจะเป็นประโยชน์กับไทย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ รัฐบาลทหารเมียนมา ได้ว่าจ้าล็อบบี้ยิสต์ในแคนาดา ให้เป็นตัวแทนของรัฐบาลในการอธิบายการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในเมียนมาให้กับนานาชาติ โดยเฉพาะชาติตะวันตก และยูเอ็น”