เสี่ยงมาก-เสียงน้อย-ไม่พร้อมเสี่ยง บันไดสี่ขั้น “ออมเงิน”แบบไหน ให้ตรงใจคุณ!!

เพราะ “การออมเงิน” ถือเป็นเรื่องจำเป็น โดยเฉพาะในภาวะเศรษฐกิจที่มีความเสี่ยงที่จะขยายตัวต่ำ โครงสร้างเศรษฐกิจกำลังปรับเปลี่ยน ทำให้มีหลายอาชีพเสี่ยง “ตกงาน”เพิ่มขึ้น

ดังนั้น อย่างน้อยที่สุด เราควรมี “เงินออมไว้เพื่อยามฉุกเฉิน” เพื่อเป็น “กันชน” เล็กๆ หากเกิดสถานการณ์เลวร้าย

โดยเงินออมยามฉุกเฉินนั้น ควรมีเท่าไร คำตอบคือ ขั้นต่ำควรอยู่ที่ 1-3 เท่าของรายจ่ายในแต่ละเดือน แต่ถ้าจะให้ดีควรมีอย่างน้อย 6 เดือน

โดยเงินออมฉุกเฉินนี้ ไม่ควรนำไปรวมกับเงินออม หรือเงินเก็บเพื่ออนาคตในโอกาสต่างๆ หรือเงินที่เก็บไว้ใช้ยามเกษียณ

แต่ก่อนที่ไปต่อ ขอทำความเข้าใจก่อนว่า การออมเงิน ไม่ได้มีทางเลือกเพียงการฝากธนาคารเท่านั้น แต่เราสามารถออมเงินในสินทรัพย์ต่างๆ ได้ ซึ่งการออมในวิธีที่แตกต่างกันก็จะได้ผลตอบแทนที่ต่างกันไป ยิ่งผลตอบแทนมาก..ความเสี่ยงก็มากตามไปด้วย ดังนั้น เราก็คววรจะเลือกออมให้เหมาะสมกับตัวเราเอง

แล้วจะ “ออมเงิน” แบบไหนดี ถึงจะทำให้เรามีเงินพอที่จะมีเพียงพอ ที่จะใช้ในยามฉุกเฉิน แถมยังมีเงินเก็บไว้ใช้ในอนาคต แต่ไม่ได้เสี่ยงเกินกว่าที่ตัวเราจะรับได้ วันนี้มีบันไดสี่ขั้นมาคุยกัน

บันไดขั้นแรก ความเสี่ยงน้อยมาก ผลตอบแทนน้อย :ถ้าเรามีเงินออมจำนวนไม่มากนัก และรับความเสี่ยงได้น้อย “เงินฝากออมทรัพย์” น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะแทบจะไม่มีความเสี่ยงในการออมเลย และมีสภาพคล่องสูง สามารถเบิกออกมาใช้ในยามฉุกเฉิน

บันไดขั้นที่ 2 ผลตอบแทนมากขึ้น และความเสี่ยงน้อย: ขยับขึ้นมานิด เป็นการออมเงินผ่าน “เงินฝากประจำ”ซึ่งข้อดีคือ จะได้ผลตอบแทนมากกว่าเงินฝากออมทรัพย์ และความเสี่ยงยังค่อนข้างต่ำ แต่ที่ต้องเน้นคือ การออมแบบนี้คือ คนออมเงินจะต้องมี “วินัย” พอสมควร เพราะการฝากถอนจะมีเงื่อนไข เช่น ฝากต่อเนื่องทุกเดือน ขณะที่หากถอนเงินก่อนกำหนดจะเสียส่วนต่างดอกเบี้ย

บันไดขั้นที่ 3 ผลตอบแทนดีขึ้นอีก ความเสี่ยงระดับกลาง :ขยับมาออมใน “พันธบัตรรัฐบาล หรือหุ้นกู้ของภาคเอกชน” การออมประเภทนี้ อาจจะต้องใช้การศึกษาหาความรู้มากขึ้น โดยเฉพาะ “อันดับความน่าเชื่อถือ”ของพันธบัตรหรือหุ้นกู้นั้น ต้องที่มีความมั่นคง และมีข้อจำกัดในการซื้อขายในเวลาที่กำหนด ที่สำคัญที่สุด ลักษณะของการออมควรจะเป็น “เงินเย็น” ที่ทิ้งไว้ในได้ระยะยาวๆ

บันไดขั้นที่ 4 ออมเท่ากับลงทุน ผลตอบแทนสูง ความเสี่ยงสูงเช่นกัน: ถ้าจะพูดว่าให้ออมเงินในหุ้น แต่จริงๆ แล้ว หากเราเลือกลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานที่ดี มีปันผลสูง โอกาสที่จะทำกำไรจากเงินทีเราออมไปก็มีไม่น้อย แต่อย่างไรก็ตาม การออมในรูปแบบนี้ต้องยอมรับความเสี่ยงของราคาหุ้นที่ขึ้นลง หรือปันผลที่ลดลงด้วย

ลองดู “เงินกระเป๋า”ว่า จะสามารถออมได้เท่าไรต่อเดือน รับความเสี่ยงได้แค่ไหน ต้องการผลตอบแทนแบบไหน สูงค่ำ สั้น หรือยาว แล้วลองเลือกวิธีออมที่ถูกใจเหมาะสมกับคุณๆ กัน