![เศรษฐา56](https://mls8fhlsbb8r.i.optimole.com/cb:zWWv.13fd/w:auto/h:auto/q:mauto/ig:avif/https://thejournalistclub.com/wp-content/uploads/2023/05/เศรษฐา56.png)
- ขอโอกาสที่จะทำให้ 4 ปีข้างหน้า เจริญเติบโตรุ่งเรือง
- ขอเชิญทหาร ตำรวจ ข้าราชการ ที่อยู่ในบอร์ดรัฐวิสาหกิจ
- ให้กลับไปปฏิบัติหน้าที่ของตนเอง
นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กล่าวปราศรัยใหญ่พรรคเพื่อไทย ณ เมืองทองธานี เมื่อค่ำวันที่ 12 พ.ค. 66 ว่า ความตั้งใจของตนไม่มีอะไรซับซ้อน เข้ามาตัวเปล่าโดยปราศจากคำสัญญาใดๆ กับนายทุน ผู้มีอำนาจ หรือผู้มีอิทธิพล คำสัญญาหนึ่งเดียวที่มีคือคำสัญญาต่อพี่น้องประชาชน พรรคเพื่อไทย มีประวัติศาสตร์ยาวนาน วันนี้ขอโอกาสที่จะทำให้ 4 ปีข้างหน้า เจริญเติบโตรุ่งเรือง เหมือนที่ไทยรักไทย พลังประชาชน ที่ได้ทำไว้ให้กับคนไทยทุกคน
ทั้งนี้นโยบายของพรรคเพื่อไทย ครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง แก้ปัญหาตั้งแต่ระดับโครงสร้างในภาพใหญ่ การแก้ปัญหาระยะสั้น จนถึงระยะยาว ประกอบกัน จนเป็นโรดแมปของการพัฒนาประเทศ ถ้าเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ประการแรก พี่น้องจะเห็นรัฐบาลที่เข้ามาบริหารอย่างจริงจัง ไม่ใช่บริหารแบบธุรการเหมือนที่ผ่านมา เราจะมียุทธศาสตร์ มีเป้าหมายที่ชัดเจน วางระบบไว้สำหรับคนรุ่นหลังให้เดินต่อไปได้
![](https://mls8fhlsbb8r.i.optimole.com/cb:zWWv.13fd/w:auto/h:auto/q:mauto/ig:avif/https://thejournalistclub.com/wp-content/uploads/2023/05/เศรษฐา-12-.png)
“ผมจะไม่มาบอกว่า “ถ้าไม่มีผมแล้ว ประเทศจะอยู่อย่างไร” หรือ “ถ้าผมไม่ทำ แล้วใครจะทำ” ถ้าคนไทยทุกคนเอามือล้วงกระเป๋าตังค์ จะพบว่าตั๋วจำนำหมดไป แต่เราจะแทนที่ด้วยแบงก์ในกระเป๋ามากขึ้น หนี้สินก็น้อยลง รายจ่ายจะลดลง ยาเสพติดลดลงอย่างรวดเร็ว นักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมาก และกระจายไปทั่วประเทศ เราจะคืนอากาศที่สะอาด เราจะลดการเกณฑ์ทหาร จะไม่มีใครโอดครวญเรื่องค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน และค่าก๊าซอีกต่อไป เราจะจัดการกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นภาระประชาชน เช่น ทำตัวเป็นนายประชาชน รีดไถประชาชน”
นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า จะมีรัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน เป็นกฎหมายสูงสุดตามการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เราจะขอเชิญทหาร ตำรวจ ข้าราชการ ที่อยู่ในบอร์ดรัฐวิสาหกิจที่ไม่ถนัดให้กลับไปปฏิบัติหน้าที่ของตนเอง และประการสุดท้าย เราจะไม่เห็นความอยุติธรรมจากตำรวจ หรือหน่วยงานรัฐภายใต้อำนาจบริหารอีกต่อไป เราจะไม่เห็นการบังคับใช้กฎหมายอาญา มาตรา 112 เพื่อกลั่นแกล้งทางการเมือง เราจะไม่ให้คนตัวเล็กโดนกลั่นแกล้ง เราจะยกเลิกการตั้งด่านเก็บส่วย ของทั้งตำรวจ กรมการขนส่ง โดยไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป
“ผมมีความฝัน ที่จะเห็นประชาชนไทย อยู่ดี กินดี ฝันว่าเศรษฐกิจจะเติบโต พร้อมกับความเจริญทางจิตใจ ฝันที่ประชาธิปไตยจะกลับคืนสู่พวกเราทุกคน และฝันว่าพรรคเพื่อไทย จะได้รับใช้ประชาชนอีกครั้งนึง ผมและพรรคเพื่อไทยจะต่อสู้เพื่อไม่ให้พวกเราตื่นขึ้นมาพบประเทศที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง เจอผู้นำที่เป็นคนเดิมไร้หัวใจ ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราเป็นสถาบันที่หนักแน่น แต่ถูกกลั่นแกล้งมากที่สุด โดยความอยุติธรรม เรายังยืนหยัดแข็งแกร่ง ทำประโยชน์เพื่อประชาชน ได้รับความศรัทธาจากประชาชน พิสูจน์จากผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา
ผมมั่นใจว่าพวกเราก็จะชนะการเลือกตั้งครังนี้อีก ทำให้เราเป็นพรรคเดียวที่มีโอกาสทำให้ ส.ว.ต้องฟังเสียงประชาชน และเราจะไม่ทรยศต่อคนที่ร่วมอุดมการณ์ เราจะรับฟังทุกเสียงของประชาชน ภาพฝัน ความหวัง และนโยบายที่ผมได้กล่าวไปในตลอด 75 วันที่ผมลงพื้นที่เป็นไปได้จริง เรามีบทเรียนจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ในวันนั้นพรรคเพื่อไทยเราพลาดไปเพียง 17 ที่นั่ง ไม่เช่นนั้นฝ่ายประชาธิปไตยจะเป็นผู้ชนะ เราจะต้องไม่ปล่อยให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกแบบไร้ยุทธศาสตร์ ขอวิงวอนจากใจ อย่าเลือกเพราะความกลัว แต่ให้เลือกเพราะความชัวร์ว่าพรรคเพื่อไทยทำได้จริง
![](https://mls8fhlsbb8r.i.optimole.com/cb:zWWv.13fd/w:auto/h:auto/q:mauto/ig:avif/https://thejournalistclub.com/wp-content/uploads/2023/05/เศรษฐา24.png)
“ผมนายเศรษฐา ทวีสิน ขอเป็นนายกฯคนที่ 30 ของประเทศไทย ทำให้ประชาชนหลุดพ้นจากความมืดมน ขอให้ทุกคน ลงคะแนนให้พรรคเพื่อไทย ทั้งสองใบ ให้จัดตั้งรัฐบาลได้อย่างมีเสถียรภาพ ให้พวกเราไปรับใช้ประชาชน ไปทำความหวังให้ทุกคนเปลี่ยนประเทศให้ได้จริง ส่งต่ออนาคตที่ดีกว่าให้ลูกหลาน”
นายเศรษฐา ปราศรัยว่า วันที่ 14 พ.ค. 66 จะเป็นวันที่ประชาชนจะร่วมกันแสดงพลัง พร้อมใจกันก้าวออกจากหลุมดำ ที่ขังเรามานานกว่า 8 ปี ก่อนหน้านี้ประเทศไทยยืนอย่างสง่างามในเวทีโลก แต่ผู้นำคณะรัฐประหารได้สร้างวิกฤต ทำลายศักดิ์ศรีของประเทศไทยในเวทีโลก เราคนไทยทุกคนล้วนเป็นผู้เสียหาย สูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำได้ขยายตัวขึ้นทุกวัน โดยฝีมือของรัฐบาลที่ประกาศคืนความสุข แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากการยึดอำนาจล้วนเป็นความทุกข์