

.ไตรมาส2จีดีพีติดลบ7%หดตัวติดต่อกัน2ไตรมาสติด
.หลังได้รับผลกระทบหนักจากโควิด-ไฟไหม้ใหญ่ต้นปี
.หนำซ้ำความสัมพันธ์จีนอย่างตึงเครียดหลังหนุนหาต้นตอโควิด-19
สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า เศรษฐกิจออสเตรเลียเข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นครั้งแรกในรอบ 61 ปี เพราะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
สำนักงานสถิติแห่งชาติของออสเตรเลีย ระบุว่า ในช่วงไตรมาส 2 ของปี 63 (เดือนเม.ย.-มิ.ย.63) ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ลดลง 7% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสแรกปี 63 ที่ลดลง 0.3% ถือเป็นการลดลงครั้งใหญ่สุดนับตั้งแต่ปี 1959 (พ.ศ.2502) เพราะได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 นับเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดในรอบ 61 ปี เพราะการใช้จ่ายภาคครัวเรือน ทั้งซื้อสินค้าและบริการ ลดลงอย่างหนัก และยังอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย เพราะขยายตัวลดลงติดต่อกัน 2 ไตรมาส
เศรษฐกิจของออสเตรเลีย ซึ่งถือว่าเป็นเศรษฐกิจหลักและสำคัญของโลกนั้น ไม่ได้รับความเสียหายจากวิกฤติการเงินของโลกในปี 2551 ซึ่งเป็นผลมาจากการเป็นแหล่งผลิตทรัพยากรธรรมชาติสำคัญของจีน แต่ตั้งแต่ต้นปี 63 เศรษฐกิจออสเตรเลียได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสถานการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 12 ล้านเฮกเตอร์
นอกจากนี้ ยังได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลให้รัฐบาลได้ใช้มาตรการล็อกดาวน์ มีการปิดธุรกิจชั่วคราวทั้งประเทศ ภาคการท่องเที่ยว ที่เป็นแหล่งสร้างรายได้เข้าประเทศ และมีธุรกิจขนาดเล็กเกี่ยวข้องจำนวนมาก สูญเสียรายได้มหาศาล อีกทั้งมีการคาดการณ์ว่า คนออสเตรเลียเกือบ 1 ล้านคนต้องตกงาน แม้จะรัฐบาล และธนาคารกลางได้ออกมาตรการต่างๆ เพื่อพยุงเศรษฐกิจไว้
ขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์กับจีน ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่สุด ตึงเครียดมากขึ้น เพราะออสเตรเลียสนับสนุนให้สอบสวนหาต้นตอการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาตั้งแต่เดือนเม.ย.ที่ผ่านมา สร้างความไม่พอใจให้กับรัฐบาลจีนเป็นอย่างมาก นับแต่นั้นมา ทั้งแคนเบอร์รา และปักกิ่ง มีการยั่วยุกันทางการเมือง และเศรษฐกิจออสเตรเลียเริ่มตกต่ำลง
ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไปแล้ว 200,000 ล้านเหรียญออสเตรเลีย (147,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ออสเตรเลียสามารถควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้ดีกว่าหลายประเทศในโลกท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ โดยคาดการณ์ว่า ออสเตรเลียจะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่รุนแรงขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม แม้เศรษฐกิจออสเตรเลียหดตัวลงมาก แต่ดีกว่า เศรษฐกิจของหลายประเทศชั้นน้ำ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่ไตรมาส 2 จีดีพีหดตัวมากถึง 9.5% อังกฤษ หดตัว 20.4% ฝรั่งเศส ลดลง 13.8% ญี่ปุ่น ลดลง 7.6%