มีรายงานงานข่าวว่ากระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของสิงคโปร์ได้คาดการณ์ตัวเลขอัตราเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้ ประสบภาวะถดถอยติดลบถึง 41.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยคำนวณจากข้อมูลในเดือนเมษายนและพฤษภาคมนั้นแย่กว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ที่สำรวจโดยรอยเตอร์คาดว่าเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะหดตัว 37.4% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส
ตัวเลขจีดีพีของสิงคโปร์หดตัวติดลบติดต่อกัน 2 ไตรมาส ซึ่งไตรมาสแรกที่ประกาศออกไปก่อนหน้าติดลบที่ 3.3% แต่เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาในไตรมาสที่สองปีที่แล้วตัวเลขจีดีพีของสิงคโปร์ติดลบ 12.6% แย่กว่านักวิเคราะห์ในการสำรวจของรอยเตอร์คาดการณ์ไว้ที่ 10.5%
ทั้งนี้การคาดการณ์ตัวเลขติดลบมโหฬารดังกล่าว มาจากมาตรการล็อกดาวน์ของสิงคโปร์ที่เรียกว่า circuit breaker เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ซึ่งเริ่มได้ในต้นเดือนเมษายน เป็นมาตรการการปิดสถานที่ทำงานส่วนใหญ่ (ยกเว้นการให้บริการที่จำเป็น) และปิดโรงเรียนทั้งหมดชั่วคราว ใช้เวลาเกือบทั้งไตรมาส โดยรัฐบาลสิงคโปร์เริ่มคลายมาตรการบางอย่างในต้นเดือนมิถุนายน
ทำให้นักธุรกิจต้องพึ่งพาการบริโภคภายในประเทศ ในขณะที่ตลาดต่างประเทศ มีความอ่อนแอลงเช่นกันเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกที่ตกต่ำจากผลกระทบของการระบาดไวรัสโควิด-19
การแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นนับเป็นหนึ่งในภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดต่อเศรษฐกิจโลกอาจทำให้สิงคโปร์เข้าสู่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจที่เลวร้ายที่สุดในปีนี้ รัฐบาลคาดการณ์การติดลบถึง 4%-7% ในปี 2020
แต่ “อเล็กซ์ โฮล์มส์” นักเศรษฐศาสตร์แห่งเอเชียที่ปรึกษาด้านเศรษฐศาสตร์แคปิตอล กล่าวว่า กิจกรรมในสิงคโปร์ได้ดีดตัวขึ้นเนื่องจากมาตรการผ่อนคลายล็อdบางส่วนเมื่อเดือนที่แล้ว
“ในขณะที่อุตสาหกรรมจำนวนมากโดยเฉพาะการท่องเที่ยวและการบริการจะยังคงได้รับความเดือดร้อน แต่เศรษฐกิจควรฟื้นตัวเร็วกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค”
“เหตุผลสำคัญสำหรับการมองโลกในแง่ดีคือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลซึ่งเทียบเท่ากับประมาณ 20% ของมูลค่าจีดีพี” เขากล่าวเสริม
สิงคโปร์ได้เปิดตัวแพคเกจกระตุ้นเศรษฐกิจรวมเป็นเงินประมาณ 1 แสนล้านดอลลาร์สิงคโปร์จนถึงปีนี้เพื่อสนับสนุนธุรกิจและครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการระบาดของไวรัสโควิด-19
