เรื่องเล่า “กัปตันมนูญ เจริญลอย” ผมไม่ใช่ฮีโร่..กับภารกิจพาคนไทยใน “อู่ฮั่น” กลับบ้าน

กัปตันมนูญ เจริญลอย” หนึ่งในทีมปฏิบัติการร่วมพาคนไทยในเมืองอู่ฮั่นกลับบ้าน เล่าถึงภารกิจครั้งสำคัญ “อู่ฮั่นอู่ตะเภา” ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีใจความว่า ผมไม่ใช่ฮีโร่

หลายคนที่รู้จักผมตอนเช้าของวันที่คงรู้แล้วว่า ผมเป็นคนบินไปรับคนไทยในหวู่ฮั่น(WUH) เพราสื่อต่างๆ ออกข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้เยอะมาก และเผอิญมีภาพบางภาพในข่าว มีติดรูปผมไปด้วยทั้งที่ตามแผนของคณะทำงาน ที่มีกระทรวงต่างประเทศ เป็นแม่งาน ไม่ได้เป็นอย่างนั้น

สั้นเงียบใช้คนน้อยสุดคือสิ่งที่ตกลงกันไว้แต่อย่างว่า บางอย่างก็เหนือการควบคุม

ตอนไวรัสโคโรนาเริ่มระบาดทางด่านควบคุมโรคดอนเมืองได้ทำงานร่วมกับสายการบิน ในการตรวจคนที่มาจากWUH อย่างต่อเนื่องก่อนที่ข่าวจะดังเสียอีก

สายการบินเราจากปกติที่ทำการฆ่าเชื้อตามวงรอบก็มาทำถี่ขึ้น และกลายทำทุกเที่ยวบินทันที ที่กลับจากWUH ก่อนนำไปใช้ต่อ ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจว่า เครื่องเราสะอาดแน่ๆ สำหรับ ผดส ทุกคน

การตรวจ ผดส มีเฉพาะขาเข้าแต่เราคิดว่า ไม่พอ และเป็นปัญหาที่ปลายทาง ถ้ามีคนที่มีไข้ แม้ไม่ได้เป็นไข้หวัดหวู่ฮั่นก็ตาม

รวมทั้งเราต้องการความมั่นใจว่าผดส คนอื่น รวมทั้งน้องๆพนักงานของเรา จะปลอดภัยในการโดยสารกับเราทีมงาน Exit Screen จึงเกิดขึ้น อย่างฉุกละหุก ด้วยความร่วมมือของน้องๆนักบินที่เป็นหมอ น้องๆลูกเรือที่เป็นพยาบาลโดยหัวหน้าลูกเรือคนสวยและทีมในแผนกเป็นกำลังหลัก security GS รวมทั้ง Safetyด้วย

หมอป๊อกกับทีมแพทย์สี่คน ที่เป็นนักบินของเรา ทั้งเป็นกำลังหลักในการตรวจและทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา ให้น้องๆในทีม ก็ไม่สามารถมาได้ทุกวัน เพราะเราต้องทำระยะยาว ผมเลยเรียนปรึกษา CEO เพื่อที่จะจ้างพยาบาลมาช่วย 

ระหว่างนั่งทำงานรอครูม้ง ซึ่งเป็น HFO ของเราเดินมาหา บอกว่า CEO เรียกพบ

พี่ต๊อกบอกว่าเราอาจต้องทำเที่ยวบินรับคนไทยจากWUH มึงว่าไง… ม้งพูดกับผมระหว่างเดินไปห้องทำงานCEO

กูกำลังคิดเรื่องนี้พอดี ว่าทำไมรัฐบาลไม่เอาคนออกมาไม่มีปัญหาหรอก เดี๋ยวกูบินเองผมบอกกะม้ง

งั้นมึงกะกูบินด้วยกัน จะได้ตัดปัญหาไม่ต้องเอาคนอื่นไปเสี่ยง ม้งบอกผมก่อนเข้าห้อง CEO

พี่ รบ ขอความร่วมมือมาให้เรารับคนไทย จากหวู่ฮั่นพี่ว่าไงพี่ต๊อกเอ่ยขึ้น

พร้อมครับม้งตอบ เดี๋ยวผมสองคนบินเอง น้องลูกเรือก็ไม่น่ามีปัญหา

งั้นผมตอบตกลงเขาไปนะ น่าจะประมาณวันที่1-2 เราพร้อมนะ

พร้อมครับเราตอบพร้อมกัน

วันรุ่งขึ้นม้ง ผม และหัวหน้าลูกเรือ โดนเรียกให้ไปประชุมด่วนกับคณะทำงานของ รบ.ที่มีทั้งทีมแพทย์ ท่าฯตม.ทหาร ที่กรมกงสุล

เราแบ่งหน้าที่กันทำตามความรับผิดชอบของแต่ละฝ่ายส่วนวันเวลานั้น รอคอนเฟิร์มจากจีน

ขอให้เป็นความลับนะท่านอธิบดีบอก ก่อนเลิกประชุมผมเหลือบไปเห็นไลน์เด้งขึ้นมา เลยตอบไปว่า

ไม่ลับแล้วล่ะครับมีการแถลงแล้วว่า… ไปวันที่ 1 …

ทุกคนในห้องถอนหายใจดังเฮ้อ

คนจะไปยังไม่รู้เลย ว่าจะไปวันไหนผมคิดในใจ

เมื่อข่าวมันออกไป ว่าแน่นอน แอร์เอเชียเป็นคนไปรับคนไทยนักบินในกลุ่มไลน์ต่างเสนอตัว ที่จะไปทำหน้าที่นี้จริงๆเขาคุยกันก่อนหน้านั้นแล้วล่ะ ว่า ถ้า รบ ให้เราทำ หลายคนเสนอตัวที่จะทำ โดยไม่รับเงินค่าบิน บางคนหลังไมค์มาก็มี ผมก็ตอบทีเล่นทีจริงว่าให้ลงชื่อไว้ เราทำจริงๆ ผมจะได้ไม่ต้องหาให้ยากปรากฏว่ามีคนสมัคร ทั้งหน้าไมค์หลังไมล์แป๊บเดียวเกือบ 20 คู่ ผมเลยต้องบอกว่าผมพูดเล่น ยังไม่ความคืบหน้าว่าเราจะทำมั้ย

วันอาทิตย์ที่ 2 เราโดนเรียกเข้าประชุมวางแผนละเอียดอีกครั้งหลังได้รับไฟเขียวจากจีน ว่าคือวันที่4 …การนัดหมายโหลดของ การเดินทาง สถานที่รับตัวคนไทย  ถูกสรุปในวันนั้นและทุกอย่างถูกกำชับให้เป็นความลับ

แต่มีคนเงยหน้ามาบอกว่าทุกคนรู้แล้ว ว่าเราจะไปลงอู่ตะเภาข่าวลงแล้ว

วันจันทร์ที่ 3 ทางทีมแอร์เอเชียถูกนัดหมายให้ไปซ้อม การใส่ขุดป้องกัน(PPE) เพราะหมอบอกว่า การใส่น่ะง่าย แต่การถอดอาจทำให้ติดเชื้อได้

การซ้อมรอบเช้ายังไม่สมบูรณ์ เพราะขั้นตอนการคัดกรอง ผดส ก่อนขึ้นเครื่อง ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย สี่ชั่วโมงต้องให้ลูกเรือช่วย เราจึงต้องบรีฟกันอย่างละเอียด และเราต้องเข้าพบนายกฯในตอนบ่าย ก่อนที่น้องๆจะกลับไปซ้อมอีกรอบ ส่วนผมกับอั๋นแยกตัวกลับ เมื่อเรากลับมาถึงบำราศนาดูร

เช้าวันที่4…วันออกเดินทาง ซึ่งคือเวลา 0710 ผมนัดลูกเรือ ทีมแพทย์คน  และเจ้าหน้าที่ กต 2 คน บรีฟขั้นตอนสุดท้าย ตอน0510

ใครจะรับผิดชอบอะไรตอนไหน และ chain of command ในcabin เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปในขากลับ 

เมื่อประตูเปิดที่WUH ขอให้ลูกเรือ เขื่อฟังคุณหมอ ซึ่งนำโดย ผอ.ของบำราศ เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อโดยไม่ตั้งใจแต่เมื่อประตูปิดแล้ว การสั่งการเป็นหน้าที่ของหัวหน้าลูกเรือนะครับจนกว่า sign off คุณหมอถึงกลับมานำอีกครั้งเกิดมีผู้ป่วยฉุกเฉินบนเครื่อง หมอเป็นคนสั่งการ 

แต่ถ้าเกิดEmergency ให้ลูกเรือเป็นคนสั่งการทั้งหมดผมบรีฟคร่าว

ก่อนขึ้นเครื่องรมต.สาธารสุขมาส่งที่เครื่อง มีการถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

เรา Landing ที่ WUH ตอน 1115 เวลาหวู่ฮั่น เรารีบกินข้าวและทำธุระส่วนตัว ก่อนที่จะบอร์ด ผดส เพราะหมอบอกหลังจากนั้น เราจะไม่สะดวกอีก

เราใช้เวลาคัดกรองและบอร์ด เกือบ 6 ชม ซึ่งยาวนานมาก ผมกะอั๋นและ Engineer เก็บตัวในห้องนักบินน้องๆลูกเรือช่วยหมอในการจัดที่นั่ง ผดส และออกที่นั่งให้

ทำไมต้องทำขนาดนั้น

1.เราต้องมั่นใจว่า คนที่อาจมีอาการ หรือติดเชื้อ ต้องถูกแยกไปนั่งต่างหาก และใช้ห้องน้ำที่แยกไว้ให้

2.คนที่มีแข็งแรงแต่อยู่พื้นที่เสี่ยง ต้องนั่งอีกโซน

3.กลุ่มสุดท้าย คือกลุ่มเสี่ยงน้อย จะจัดนั่งข้างหน้า 

ผมงีบรอในห้องนักบินครับ

แต่ตื่นขึ้นมาทีไร ผมก็ยังเห็นน้องๆ ทั้งหมอ และลูกเรือ ทำงานด้วยความร่าเริงตลอดเวลา มีการเอนเตอร์เทน ผดสตลอดเวลา

คุณคิดดูว่า ในมุมของ ผดส คนแรก ต้องรอคนสุดท้ายเกือบ 6 ชั่วโมง มันน่าเบื่อขนาดไหน

การบอร์ดอันยาวนานสิ้นสุดลง เราเริ่มขออนุญาตถอย และทำการวิ่งขึ้นสนามบินที่เคยคับคั่งไปด้วยเครื่องบินจากนานาประเทศ ตอนนี้เป็นของเราคนเดียว

ขอพูดถึงทีมแพทย์ชุดนี้ เจ้าหน้าที่ กต รวมถึงน้องๆลูกเรือของเรา ต้องขอบอก พวกเขาสุดยอด ทั้งความรู้ การเตรียมการ การทำตามแผนและนอกแผน

หลังจากการตรวจอันยาวนานตอนแรกเราจะให้ ผดส แค่น้ำ 2 ขวด แซนวิช เจลล้างมือ ซึ่งจะวางไว้ที่ที่นั่ง ก่อนจะบอร์ด ผดส เพื่อบดขั้นตอนการบริการ ในแผนจะไม่มีการบริการอาหารร้อน

แต่ด้วยเวลาที่ทอดยาวออกไป ผดส มารอแต่เช้าและไม่มีอะไรขายที่สนามบิน อาหารที่เราโหลดมาเพื่อใช้ในกรณีไดเวิร์ดถูกนำมาใช้จนเกลี้ยง

โชคดีจริงๆ ที่เราคิดถึงกรณีนี้ไว้ ตามข้อเสนอของปุ้ม หัวหน้าลูกเรือ เพราะถ้าเราไปลงสนามบินกลางทาง ในกรณีฉุกเฉิน ไม่มีใครให้เราลงจากเครื่องแน่ เราควรมีน้ำ และอาหารสำรอง ก่อนเครื่องRescue จะมารับ

จากแผนไม่เสิร์ฟระหว่างเที่ยวบิน ต้องมาทำ Fulservice น้องๆลูกเรือ ต้องอุ่นอาหารแบบด่วน ทายสิครับ ใครจะเป็นคนเสิร์ฟ

ทีมหมอ และพยาบาลสิครับ แม้แต่ผอ.บำราศนาดูร ก็ได้ทดลองอาชีพสจ๊วตครั้งแรก คุณหมอ พยาบาล ที่ข้างล่างคนเรียกอาจารย์ วันนี้ต่างทำหน้าที่บริการอาหารอย่างแข็งขัน

เรามีหมอจิตเวช และเจ้าหน้าที่ กต ไปด้วย ทุกคนช่วยกันเอนเตอร์เทน ผดส ตลอดเวลาเพื่อลดความเครียด ที่รอกลับบ้านเป็นเวลานาน ทุกคนทำหน้าที่ของตนอย่างสุดยอดจริงๆ 

เราลงที่อู่ตะเภาและตามคาด มีคนมากมายมารอทำข่าวและคุณหมอก็ได้ทำหน้าที่สุดท้ายของตนเองบนเครื่องบิน คือ ทำความสะอาดเครื่องบิน เก็บขยะลงถุงปลอดเชื้อ พ่นสเปร์ยฆ่าเชื้อ ก่อนทีมฆ่าเชื้อของฝ่ายช่างแอร์เอเชียจำมาทำซ้ำอีกรอบ

ผมไม่รู้ว่าเมื่อคืนนี้ ผดส ผมได้นอนเมื่อไหร่ ทีมหมอและ กต ได้กินข้าวมั้ย เพราะผมแอบนำทีมลูกเรือหลบมาก่อน

ผมยอมรับในหัวใจ ของคุณหมอ และ กต ชุดนี้จริงๆ ทำงานหนักตลอดวัน อย่างมีพลังและร่าเริงตลอดเวลา ลูกเรือผมก็เช่นกัน

ถ้าจะมีใครถูกเรียกว่าฮีโร่นั่นคือพวกเขาครับ

ขอซูฮกทีมคุณหมอ และเจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศ ทั้งสองคนด้วยใจจริง

จบการทำงาน…18 ชั่วโมงอันยาวนานครับ