

- ต้องใช้บัตรประชาชนที่มีสมาร์ทการ์ดเท่านั้น
- รับเงินงวดแรกวันที่ 5 มี.ค.64 จำนวน 4,000 บาท
- กรุงไทย เตรียมรถโมบายรับลงทะเบียนทั่วประเทศ
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สำหรับประชาชนกลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ อาทิ ไม่สามารถเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ต ไม่มีสมาร์ทโฟนทำให้ไม่สามารถใช้งานแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ได้ ผู้ที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง อาทิ ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ทุพพลภาพ ผู้ป่วยติดเตียงที่ไม่สามารถเดินทางไปลงทะเบียนเองหรือเดินทางไปใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์ที่ได้รับผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ได้ เป็นต้น
โดยประชาชนกลุ่มดังกล่าวสามารถลงทะเบียนในโครงการ “เราชนะ” ได้ระหว่างวันที่ 15-25 ก.พ. 2564 ณ สาขาธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทย) หรือจุดบริการเคลื่อนที่รับลงทะเบียน หรือ รถโมบาย ที่ธนาคารเตรียมไว้บริการทั่วประเทศ
ทั้งนี้ในส่วนของจุดบริการเคลื่อนที่รับลงทะเบียน กระทรวงการคลังได้ขอความร่วมมือจากกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(ถพม.) ดำเนินการร่วมกับธนาคารกรุงไทยในการให้มีจุดบริการเคลื่อนที่เพื่ออำนวยความสะดวกในการลงพื้นที่รับลงทะเบียนให้แก่บุคคลกลุ่มดังกล่าวในทุกพื้นที่ของประเทศ
“ประชาชนในกลุ่มดังกล่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างการนำเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 ผ่านบัตรประชาชน และเมื่อผ่านการคณะกรรมการคัดกรองแล้วจะเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)อีกครั้ง”
สำหรับในเบื้องต้นวิธีลงทะเบียน ณ สาขาธนาคารกรุงไทย สามารถดำเนินการได้ดังนี้ 1.นำบัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด (Smart Card) มาใช้ประกอบการลงทะเบียนขอรับสิทธิ์โครงการฯ 2.พิสูจน์และยืนยันตัวตนโดยการเสียบบัตรประจำตัวประชาชน (Dip Chip) ผ่านเครื่องรูดบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Data Capture หรือ EDC) 3.กำหนดรหัส (PIN Code) ได้ที่สาขาของธนาคารกรุงไทย หรือจุดบริการที่ธนาคารกรุงไทยกำหนด
ทั้งนี้ ประชาชน ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติและได้รับอนุมัติวงเงินสิทธิ์จะได้รับวงเงินสิทธิ์สนับสนุนเป็นรายสัปดาห์ จำนวนไม่เกิน 7,000 บาท โดยจะได้รับเงินงวดแรก วันที่ 5 มี.ค.2564 จำนวน 4,000 บาท วันที่ 12 มี.ค.จำนวน 1,000 บาท วันที่ 19 มี.ค. จำนวน 1,000 บาท และวันที่ 26 มี.ค. จำนวน 1,000 บาท

อย่างไรก็ตามวงเงินดังกล่าวสามารถใช้จ่ายวงเงินผ่านบัตรประจำตัวประชาชน สำหรับการซื้อสินค้าหรือชำระค่าบริการจากร้านค้าในโครงการธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น ร้านค้า ในโครงการคนละครึ่งที่ตกลงยินยอมเข้าร่วมโครงการฯ และผู้ประกอบการ/ร้านค้า/บริการที่เข้าร่วมโครงการฯ โดยวงเงินที่ได้รับจากโครงการฯ สามารถสะสมได้ และสามารถใช้จ่ายได้ถึงวันที่ 31 พ.ค.2564
“สำหรับผู้ที่ถือบัตรประชาชนแบบเดิมที่ไม่มีสมาร์ทการ์ด (Smart Card) จะต้องไปเปลี่ยนบัตรประชาชนใหม่ให้มีสมาร์ทการ์ด เนื่องจากการใช้จ่ายเงินผ่านบัตรประชาชน ระบบจะอ่านข้อมูลจากชิปการ์ดบนบัตรประชาชน อย่างไรก็ตามในวันที่ 5 มี.ค.2564 ในส่วนของร้านค้าและผู้ให้บริการ บนแอปพลิเคชั่น “ถุงเงิน” จะมีเมนูเพิ่มขึ้นมา คือ การสแกนบัตรประชาชน เพื่อใช้จ่ายสำหรับกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟนและผู้พิการเป็นพิเศษ ซึ่งจะต้องใช้รหัส 6 หลักที่ลงทะเบียนที่ธนาคารไว้กรอกในการใช้จ่าย หรือสแกนใบหน้า”