“เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้” อวดไตรมาสแรก รุกขยายฐานลูกค้า ปั้นธุรกิจ “บ้าน-คอมเมอร์เชียล-คลังสินค้า” โตต่อเนื่อง



  • ส่งสัญญาณบวก หลังรับอานิสงส์เปิดประเทศ
  • เผยผลการดำเนินงานในภาพรวมปรับตัวดีขึ้นจากการเดินหน้าขับเคลื่อนองค์กร
  • ชูประยุกต์ใช้แผนกลยุทธ์ธุรกิจเชิงรุก สำหรับทุกกลุ่มธุรกิจ

นายธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Country Chief Executive Officer) บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า FPT เริ่มต้นปี 2565 ด้วยความพร้อมเต็มกำลังในการเดินหน้าสู่การเป็นแบรนด์อสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรชั้นนำของประเทศไทย ด้วยการสร้างการเติบโตผ่านการขยายฐานลูกค้าทุกกลุ่มธุรกิจ โดยปรับกลยุทธ์และแผนธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจเพื่อรุกตลาด และจับกลุ่มลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น ประกอบกับมุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมสินค้าและบริการที่ทันสมัย เพื่อส่งมอบประสบการณ์และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

ทั้งนี้ในภาพรวมของเดือนมกราคม – มีนาคม 2565 บริษัทฯ สามารถสร้างผลการดำเนินงานในช่วง 3 เดือนแรกที่ผ่านมาได้ในระดับที่น่าพอใจ โดยบริษัทฯ สร้างรายได้รวมสุทธิ 3,414 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 311 ล้านบาท โดยสามารถรับรู้อัตรากำไรขั้นต้นในสัดส่วนที่สูงขึ้น 6.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ด้วยการปรับกลยุทธ์ของกลุ่มธุรกิจอสังหาฯเพื่อที่อยู่อาศัย “เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม” ที่เน้นโครงการบ้านเดี่ยวมากขึ้น เพื่อขยายเซ็กเมนต์ของกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูง ส่งผลให้ในไตรมาสแรกโครงการบ้านเดี่ยวเติบโตขึ้น 25% เมื่อเทียบกับปีก่อน 

อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้ปรับกลยุทธ์การปิดการขายและโอนบ้านให้อยู่ในระยะเวลา 3 เดือน จึงทำให้สามารถรับรู้รายได้เร็วขึ้น พร้อมทั้งช่วยลดความเสี่ยงด้านต้นทุนการก่อสร้าง นอกจากนี้ ยังได้เดินหน้าการพัฒนาการออกแบบบ้านให้ตอบโจทย์ลูกค้ามากยิ่งขึ้น จึงทำให้โครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมได้รับการตอบรับที่ดีแม้ว่าการปฏิเสธสินเชื่อยังอยู่ในอัตราสูง

สำหรับแผนการเปิดโครงการ ในระหว่างเดือนเมษายน – ธันวาคม 2565 บริษัทฯ มีแผนการเปิดโครงการบ้านเดี่ยว,บ้านแฝด, ทาวน์โฮม และโครงการต่างจังหวัด รวมทั้งสิ้น 19 โครงการ รวมมูลค่า 30,000 ล้านบาท

นายธนพล กล่าวว่า สำหรับกลุ่มธุรกิจ “เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล” และ กลุ่มธุรกิจ “เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล” ที่สร้างกระแสรายได้ที่สม่ำเสมอให้แก่บริษัทฯ บันทึกรายได้ที่ 571 ล้านบาท ในไตรมาสแรก(มกราคม-มีนาคม 2565) โดยธุรกิจโรงงานและคลังสินค้ายังมีอัตราการเช่ารวมสูงถึง 85.4% โดยยังคงมีแนวโน้มความต้องการพื้นที่เช่าที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากดีมานด์ของผู้เช่าที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูง ได้แก่กลุ่มโลจิสติกส์ ยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์ 

รวมถึงได้รับอานิสงส์จากการชะลอการส่งออก ซึ่งเป็นผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ ส่งผลให้ภาวะราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น จึงมีดีมานด์ระยะสั้นจากผู้เช่าเพิ่มเติมเข้ามาในพอร์ตโฟลิโอมากขึ้น ซึ่งดีมานด์ระยะสั้นนี้คาดการณ์ว่าจะต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี 2565 นอกจากนี้ ยังเดินหน้าพัฒนาโครงการตามแผนเตรียมส่งมอบพื้นที่โรงงานและคลังสินค้ารวมทั้งสิ้นกว่า 150,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) ภายในปีนี้

ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมสามารถรักษาอัตราการเช่าได้ในระดับสูง โดยอาคารสำนักงานสามารถรักษาระดับผู้เช่าไว้ได้กว่า 90 และยังคงให้ความสำคัญกับกลยุทธ์การบริหารสัญญาเช่าอย่างยืดหยุ่น ร่วมกับการให้บริการอาคารสำนักงานเกรดเอคุณภาพสูงในย่านธุรกิจใจกลางเมือง 

โดยหนึ่งในโครงการมิกซ์ยูสชั้นนำ ‘สามย่านมิตรทาวน์’ มีผู้เช่าและผู้ใช้บริการที่เพิ่มมากขึ้นด้วยการปรับตัวของประชาชนที่คลายความกังวลมากขึ้น ในส่วนของ โครงการมิกซ์ยูสที่น่าจับตาแห่งใหม่ ‘สีลมเอจ’ ยังคงคืบหน้าตามแผน เสร็จสิ้นแล้วกว่า 80% ปักธงเริ่มเปิดให้บริการในเดือนกันยายน 2565 ปัจจุบันมีผู้เช่าสำนักงานให้การตอบรับจองพื้นที่แล้วถึง 60% หรือ 6,000 ตร.ม. และมีผู้เช่ารีเทลปิดดีลจองแล้วกว่า 30% ของพื้นที่ทั้งหมด โดยบริษัทฯ จะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 3 ปีนี้