

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ในปี 2567 เส้นทางการขยายตัวของเศรษฐกิจและธุรกิจไทยยังมีความไม่แน่นอน และไปข้างหน้ายังเผชิญ 4 เทรนด์ท้าทาย ได้แก่
- ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลก
- การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
- การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี โดยเฉพาะ AI และ
- การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร
ถ้าปรับตัวไม่ทัน ก็มีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจและธุรกิจไทยจะขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงในช่วงข้างหน้า
การเติบโตของเศรษฐกิจไทยพึ่งพาการส่งออกและการท่องเที่ยวใน สัดส่วนสูง สะท้อนจากสัดส่วนการส่งออกสินค้าและบริการต่อขนาด เศรษฐกิจที่มากถึง 66% ทำให้เมื่อเกิดเหตุการณ์ในต่างประเทศขึ้น เศรษฐกิจและธุรกิจที่เกี่ยวข้องจะได้รับความผันผวนตามไปด้วย
นอกจากนี้การส่งออกและการท่องเที่ยวก็ช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจ ได้น้อยลง เห็นได้จากใน 2 ช่วงเวลาที่ไม่มีวิกฤตในต่างประเทศ คือ ปี 2543-2551 และปี 2555-2562 พบว่า สัดส่วนการส่งออกสินค้าและ บริการต่อขนาดเศรษฐกิจจะค่อนข้างคงที่แต่อัตราการเติบโตเฉลี่ยของ เศรษฐกิจไทยปรับลดลง ดังนั้น ในช่วงข้างหน้า นอกจากการสร้าง มูลค่าเพิ่มให้กับการส่งออกและการท่องเที่ยวแล้ว จำเป็นจะต้องหา แรงขบัเคลื่อนเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพื่อที่จะให้เศรษฐกิจไทยกลับมา ขยายตัวในอัตราที่สูงขึ้น
สำหรับในปี 2567 ศูนย์วิจยักสิกรไทย มองว่า เศรษฐกิจและธุรกิจ ไทยอยู่ในจังหวะฟื้นตัวต่อเนื่องหลังวิกฤตโควิดคลี่คลาย แต่การ ชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะจีน และภูมิรฐัศาสตร์โลก อย่างการสู้รบในทะเลแดง รวมถึงต้นทุนสะสมของธุรกิจที่ยังสูง ทำให้เส้นทางการขยายตัวยังมีความไม่แน่นอน กระทบธุรกิจส่งออกให้ คงจะขยายตัวต่ำ ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติก็คาดว่าจะยังไม่ กลับไปเท่ากับก่อนโควิด
ในระยะถัดๆ ไป เศรษฐกิจและธุรกิจไทยยังเผชิญกับ 4 เทรนด์ที่จะเพิ่มความท้าทายมากขึ้น ทั้งนี้ เทรนด์ต่างๆ เหล่านี้จะไม่ได้เกิดขึ้น เพียงชั่วคราว หากแต่จะยิ่งทำให้การดำเนินธุรกิจมีความซับซ้อนและ เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว (Dynamic) โดยแต่ละเทรนด์จะส่งผลต่อ ธุรกิจ ทั้งในด้านโอกาสและผลกระทบ
ทั้งนี้ แต่ละเทรนด์สร้างโอกาสและผลกระทบต่อประเภทธุรกิจที่ แตกต่างกนั และอาจเป็ นคนละช่วงเวลา ทา ให้สุทธิแล้วอาจเร็วไปที่ จะสรุปว่าเศรษฐกิจและธุรกิจไทยจะได้หรือเสีย อย่างไรก็ตาม ถ้า ปรับตัวไม่ทันในการรับมือกับ 4 เทรนด์ท้าทายนี้ก็มีความเสี่ยงที่ เศรษฐกิจและธุรกิจไทยจะขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงอีกในช่วง ข้างหน้า