

- “คิง เพาเวอร์” พร้อมเปิดบริการครบวงจรใน “สนามบินสุวรรณภูมิ” เริ่ม 1 เม.ย.2565
- ผุดเมืองดิวตี้ฟรีและพื้นที่เชิงพาณิชย์ รวมพลังแบรนด์โลกพลิกโฉมสู่ ‘ดิวตี้ ฟรี เวิล์ดคลาส ช้อปปิ้ง เดสติเนชั่น’
- สร้าง World Junction 3 พื้นที่เด่น World Duty Free+ World Fashion+World Beauty
- “หลุยส์วิตอง” ร่วมสร้างประวัติศาสตร์เปิดแฟล็กชิพสโตร์แห่งแรกในสนามบิน
- ด้าน “กุชชี่” โชว์นวัตกรรม LED Boutique พร้อม 20 แบรนด์โลก และช้อปมิติใหม่กับ “KING POWER CLICK & COLLECT”
นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่ 1 เมษายน 2565 เป็นต้นไป กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ผู้บริหารร้านค้าดิวตี้ ฟรี และพื้นที่เชิงพาณิชย์ในสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิพร้อมเปิดบริการร้านต่าง ๆ ครบวงจร ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านเข้าออก และร่วมส่งเสริมภาพลักษณ์สุวรรณภูมิสนามบินชั้นนำของประเทศเป็นศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาค
โดยได้ลงทุนตกแต่งร้านค้าโฉมใหม่เป็น “World Junction” ด้วยไฮไลต์เด่น ๆ 3 เวิลด์โซน ประกอบด้วย 1. World Fashion 2.World Beauty และ 3. World Duty Free สร้างปรากฏการณ์ ‘ดิวตี้ ฟรี เวิล์ดคลาส ช้อปปิ้ง เดสติเนชั่น’ (Duty Free World Class Shopping Destination) โดยได้รับการสนับสนุนจากคู่ค้าระดับโลกยกระดับพื้นที่ช้อปปิ้งในสุวรรณภูมิเป็นเรือธงหรือ Flagship “สโตร์ของแบรนด์เนมระดับโลก”

เริ่มต้นจากพื้นที่ “ส่วนแรก World Fashion” ได้รับเกียรติจากแบรนด์แฟชั่นปารีสระดับตำนานอย่าง ‘หลุยส์ วิตตอง’ (Louis Vuitton) ร่วมกับ คิง เพาเวอร์ พลิกโฉมหน้าใหม่แห่งประวัติศาสตร์ ลงทุนเปิดแฟล็กชิพสโตร์ครั้งแรกในสุวรรณภูมิสนามบินแถวหน้าของประเทศไทย อีกทั้งยังมีแบรนด์อินเตอร์หลั่งไหลเข้ามาร่วมสร้างปรากฏการณ์การเดินทางครั้งใหม่ ได้แก่

‘กุชชี่’ (Gucci) แบรนด์แฟชั่นระดับตำนานสัญชาติอิตาลี ได้นำนวัตกรรมใหม่ทางเทคโนโลยี LED video wall display มาสร้างสีสันให้ ‘กุชชี่’ ให้กลายเป็น LED Boutique ในสุวรรณภูมิเป็นครั้งแรกของเอเชียด้วยเช่นกัน
เรื่อยไปจนถึงแฟลกซ์ชิพสโตร์ลักชัวรี่แบรนด์ชั้นนำระดับโลกอีกกว่า 20 แบรนด์ ได้แก่ คาร์เทียร์ (Cartier), ชาแนล (Chanel), แอร์เมส (Hermes), เฟอร์รากาโม (Ferragamo), โบเตก้า เวเนต้า (Bottega Veneta), แซงต์ โลรองต์ (Saint Laurent), Balenciaga (บาเลนเซียกา), เซลีน (CELINE), โลเอเว่ (LOEWE) และริโมวา (Rimowa)

การปรับโฉมใหม่ครั้งนี้ พันธมิตรคิง เพาเวอร์ รวมพลังกันยกระดับให้สุวรรณภูมิเป็นสนามบินนานาชาติตามคอนเซ็ปต์ World Junction ของ World Fashion ที่มีบริการครบทุกแบรนด์ระดับโลกที่จะเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักช้อปทั่วโลกนำเงินเข้ามาใช้จ่ายนำรายได้เข้าประเทศฟื้นเศรษฐกิจชาติได้โดยเร็ว
พื้นที่ส่วนที่ 2 “World Beauty” นำโดย 5 แบรนด์ชั้นนำ ได้แก่ ชาแนล (Chanel) เอสเคทู (SKII) ลังโคม (Lancôme) เอสเต้ ลอเดอร์ (ESTÉE LAUDER) และ ดิออร์ (DIOR) เปิดแฟล็กชิพสโตร์เครื่องสำอางและน้ำหอม หนุนความเป็น Beauty Gate Way ระดับลักชัวรี่

พื้นที่ส่วนที่ 3 “World Duty Free” ตกแต่งปรับปรุงใหม่ โดยได้รวบรวมสินค้ายอดนิยมที่นักเดินทางชื่นชอบช้อป มีทั้ง ร้านจำหน่ายสุรา ขนมและของฝากที่ระลึกทั้งไทยและต่างประเทศ สินค้าอัตลักษณ์ไทยพื้นบ้าน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการกระจายรายได้สู่ชุมชน
ขณะเดียวกันคิง เพาเวอร์ ยังได้ปรับปรุง The Atlas Club และ King Power Space เพื่อำนวยความสะดวกสบายพร้อมให้บริการสมาชิก คิง เพาเวอร์ ภายใต้มาตรการสุขอนามัยระดับสากล สามารถตรวจสอบสิทธิการเข้าใช้บริการล่วงหน้าที่ http://member.kingpower.com

นายอัยยวัฒน์ กล่าวว่า การปรับโฉม “พื้นที่เชิงพาณิชย์” (commercial area) ได้ทำควบคู่กันไปด้วย เพื่อรองรับการให้บริการนักท่องเที่ยวระหว่างเดินทาง ประกอบด้วย ร้านอาหารชั้นนำ พร้อมทั้งเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ อย่างครบครัน
รวมทั้งมี‘บริการใหม่ในสนามบิน เรียกว่า “KING POWER CLICK & COLLECT” ช้อปออนไลน์ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อยู่ที่ไหนก็ช้อปสินค้าคิง เพาเวอร์ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยตอบโจทย์การท่องเที่ยวและการช้อปปิ้งยุคใหม่ ที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว ด้วยบริการเหนือชั้นไม่แพ้ ดิวตี้ ฟรี แห่งอื่นในภูมิภาคเอเชีย

สำหรับ “KING POWER CLICK & COLLECT” เริ่มเปิดบริการตั้งแต่เดือนธันวาคม 2564 มาจนถึงปัจจุบัน สร้างความสะดวกด้านการช้อปปิ้งสินค้า ดิวตี้ ฟรี กับ คิง เพาเวอร์ ทางออนไลน์ ประการสำคัญ “รับสินค้าที่ช้อปแล้วได้ง่ายขึ้น” ที่สนามบินทั้งขาเข้า-ขาออก เนื่องจากนักเดินทางสามารถช้อปปิ้งได้จนนาทีสุดท้ายก่อขึ้นเครื่อง 2 ชั่วโมง
ขณะเดียวกันก็มีแบรนด์ดังเพิ่มเพื่อให้เลือกช้อปได้มากกว่าเดิม ไปพร้อม ๆ กับสินค้า Travel-Exclusive ซึ่งเปิดมาแล้ว 3 เดือน นักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศตอบรับบริการดังกล่าวมากพอสมควร โดยมีกลุ่มสินค้ายอดนิยม ได้แก่ เครื่องสำอาง และน้ำหอม

นับจากนี้เป็นต้นไป “คิง เพาเวอร์” สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ได้เนรมิตพื้นที่ให้กลายเป็น ดิวตี้ ฟรี ระดับเวิล์ดคลาส รวมทั้งพื้นที่เชิงพาณิชย์ก็แม่เหล็ก World Junction ใหม่ เป็นพลังดึงดูดและยกระดับสุวรรณภูมิให้กลายเป็นศูนย์กลางแห่งเอเชียของนักเดินทางอย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมจะช่วยนำรายได้เข้าประเทศอย่างมั่งคั่งยั่งยืนในอนาคตต่อไป


เรื่องโดย…เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza, www.facebook.com/penroongyaisamsaen