

- มีประสบการณ์กว่า 27 ปีในวงการ
- 9 เดือนปีนี้กำไรพุ่งถึง 56.24%
- จ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า40%ของกำไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JR ซึ่งเป็นผู้นำแห่งบริการออกแบบ จัดหา ก่อสร้างและติดตั้งแบบครบวงจรทั้งงานด้านระบบไฟฟ้า และระบบสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ เตรียมจะเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ (SET) และเปิดขายสามัญให้แก่ประชาชนทั่วไป(ไอพีโอ)ในปลายปี 2563 นี้

สำหรับ 8 จุดเด่นสำคัญของบริษัท ประกอบด้วย
1.ผู้นำวิศวกรรมระบบไฟฟ้า-สื่อสารครบวงจร เนื่องจาก JR เป็นผู้ประกอบการบริการออกแบบ จัดหา ก่อสร้างและติดตั้งระบบไฟฟ้า และระบบสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ แบบครบวงจร รับงานที่เกี่ยวเนื่องต่างๆ เช่น งานติดตั้งอุปกรณ์เพื่อใช้ในโครงการรถไฟฟ้า งานรื้อย้ายระบบสื่อสาร งานย้ายสายไฟฟ้าลงใต้ดิน มีฐานลูกค้าครอบคลุมทั้งภาครัฐ-เอกชน รวมไปถึงการไฟฟ้าฝ่ายผลิต และลูกค้าประเภทผู้ใช้สินค้าอุตสาหกรรมอีกมากมายหลายโครงการ
2.มีประสบการณ์ 27 ปีในวงการ ซึ่งทีมผู้บริหาร JR มีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญในวงการระบบไฟฟ้า และระบบสื่อสารโทรคมนาคมสูง โดยคุณจรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ จัดตั้งบริษัทมาตั้งแต่ วันที่ 2 พ.ย. 2536 โดยเริ่มจากงานที่เน้นแรงงานในระบบสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศแล้วจึงขยับปรับเป็นงานระบบที่ต้องอาศัยองค์ความรู้วิศวกรรม
ต่อมาจึงได้เริ่มธุรกิจรับเหมาวางระบบไฟฟ้าสถานีไฟฟ้าย่อยพร้อมระบบ รวมถึงต่อยอดไปยังงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้า งานติดตั้งอุปกรณ์เพื่อใช้ในโครงการรถไฟฟ้า งานรื้อย้ายระบบสื่อสารโทรคมนาคม รวมทั้งงานออกแบบในรูปแบบ Turnkey ได้ทั้งระบบ
3.ตุนงานในมือ 6.3 พันล้านบาท รับรู้ 3 ปี โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 มีงานในมือรอรับรู้รายได้อยู่ที่ 6,386.63 ล้านบาท ทยอยรับรู้อย่างต่อเนื่อง 3 ปี ขณะเดียวกันยังมีการประมูลงานใหม่เข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งหลังจากระดมทุนเข้าตลาดหุ้นสำเร็จแล้ว เงินที่ได้จะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มศักยภาพการรับงานโครงการขนาดใหญ่ได้มากขึ้นอีก ภายใต้ฐานะการเงินที่แกร่งกว่าเดิม
4.แผนแม่บทนโยบายไฟฟ้าลงดินเอื้อธุรกิจ ภายใต้แผนงานของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจจากแผนแม่บทโครงการเปลี่ยนระบบสายอากาศเป็นสายใต้ดินปี 2551-2565 ทำให้ JR ซึ่งมีความพร้อมในบริการออกแบบ จัดหา ก่อสร้าง และติดตั้งระบบไฟฟ้า สามารถเข้าไปประมูลงานที่เกิดขึ้นได้ต่อเนื่อง รวมถึงได้รับงานที่เกี่ยวข้องได้ทั้งระบบ
5.ได้ประโยชน์จากการเข้าสู่ยุค 5G ทำจะให้บริษัทมีงานด้านการสื่อสารโทรคมนาคมล้นตลาดเนื่องจากผู้ให้บริการโทรคมนาคมจำเป็นต้องเร่งติดตั้งจุดกระจายสัญญาณในระยะถี่ขึ้นกว่าอดีต รวมถึงยังจะมีการเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องเข้ามารองรับระบบอันทันสมัยกว่าเดิม ดังนั้นผู้รับเหมางานด้านโทรคมนาคมที่มีความพร้อมจึงมีโอกาสรับงานได้จำนวนมากในสภาวะการแข่งขันที่ลดลง
6.กำไรโตแม้เป็นช่วงโควิด-19 โดยภาพรวมผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ในปี 2560 บริษัทฯมีรายได้รวม 967.60 ล้านบาท ปี 2561 อยู่ที่ 934.17 ล้านบาท ปี 2562 อยู่ที่ 848.90 ล้านบาท
และงวด 6 เดือนแรกปี 2563 อยู่ที่ 464.78 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิเท่ากับ 41.25 ล้านบาท 82.93 ล้านบาท 60.75 ล้านบาท และ 29.93 ล้านบาท ตามลำดับ
ส่วนไตรมาส 3/63 มีรายได้รวม 464.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 266.12% จากงวดเดียวกันในปีก่อนที่ทำได้ 127.96 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 33.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 129.60% จากงวดเดียวกันในปีก่อนที่ทำได้ 14.70 ล้านบาท และงวด 9 เดือนปีนี้ มีรายได้รวม 929.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.87% จากงวดเดียวกันในปีก่อนที่ทำได้ 637.05 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 63.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.24% จากงวดเดียวกันในปีก่อนที่ทำได้ 40.76 ล้านบาท
7.ปลอดหนี้ที่เป็นภาระดอกเบี้ยก้อนใหญ่จากการวางระบบบริหารจัดการ เน้นความเอาใจใส่ในระบบการเงินในทุกโครงการที่เข้าไปรับงาน และการมีฐานลูกค้าหลักจากภาครัฐและบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ ทำให้ JR ไม่จำเป็นต้องขยายงานด้วยการก่อหนี้นำมาลงทุนก่อน อย่างไรก็ตามหนี้ที่เกิดในงบการเงินส่วนมากเป็นหนี้ทางการค้าที่บันทึกจากรายการรับรู้ล่วงหน้า มิได้มีภาระต้องจ่ายคืนพร้อมดอกเบี้ยแต่อย่างใด
8.มีปันผล โดย JR มีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ในแต่ละปี ภายหลังการหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและการจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย