เปิดศึกซักฟอกวันที่ 2 “เพื่อไทย”ซัด! 8 ปีเศรษฐกิจพัง-หนี้ครัวเรือนพุ่ง 90% เอื้อ 10 เจ้าสัวรวยขึ้น 1.2 ล้านล้าน



วันที่ 1 ก.ย.2564 ที่ รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นรายบุคคล เป็นวันที่2 โดยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย อภิปรายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า เป็น 8 ปีที่บริหารล้มเหลวพังพินาศของเศรษฐกิจไทย ทั้งเรื่องสังคมการเมืองเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำ เมื่อวานเราเน้นหนักในเรื่องวัคซีนและสถาการณ์โควิดในประเทศและ รัฐมนตรีได้ออกมายืนยันว่าวันนี้วัคซีนเต็มแขนคนไทยแล้ว 30 ล้านคน ต้องถามกลับไปว่าเต็มแขนคนไทยที่เหมาะสมคือ 50 ล้านคนและวัคซีนที่เต็มแขนกลายเป็นซิโนแวคซึ่งมีประสิทธิภาพน้อย

นายจุลพันธ์ อภิปรายต่อว่า 8 ปี ล้มเหลว ตกต่ำ ธุรกิจ ธุรกิจปิดตัว การตกงานสูงจากที่ไทยเคยมีพื้นฐานแข็งแกร่งเป็นเป้าหมายของนักลงทุนทั่วโลกท่านทำลายความแข็งแกร่งอย่างยับเยิน บริหารผิดพลาดโดยเฉพาะเรื่องวัคซีนและการจัดสรรวัคซีนสุดท้ายสร้างภาระให้เศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและกดทับคนไทยอย่างหนัก คนไทยไม่ตายด้วยโควิดแต่ต้องมาตายด้วยพิษโควิดที่พล.อ.ประยุทธ์ก่อขึ้น ไปดูจีดีพีตกต่ำต่อเนื่องช่วงที่เศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงขาขึ้นเศรษฐกิจราบไม่มีลมฝนแต่เรือแป๊ะลำนี้เดินหน้าอย่างเชื่องช้า แต่ในวันที่ลมฝนกระหน่ำมีโควิดเรือแป๊ะทำท่าจะจมลง มีตัวเลขที่น่ากลัวจากคนที่จบชีวิตจากพิษเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น

นายจุลพันธ์ อภิปรายต่อว่า รู้หรือไม่ว่าเศรษฐกิจไทยมีอัตราการเติบโตอยู่ในลำดับท้ายๆของโลก เศรษฐกิจไทยตกต่ำยาวนาน เพราะเกิดจากความไร้ความสามารถ ไร้ความรู้ แต่อวดเก่ง อวดดี แต่งตั้งตัวเองเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ผลคือ คณะกรรมการร่วมหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ สมาคมธนาคารไทย ออกมาแถลงว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะมีอัตราการเติบโตติดลบ 1.5 -0 % สภาหอการค้าไทยได้สอบถามสมาชิกสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศโดย 70% ของนักลงทุนต่างประเทศบอกว่าเศรษฐกิจไทยในปี2564 จะขยายตัวได้น้อยกว่า 0 ทุกคนมองตรงกันหมดว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยติดลบ หมายความว่าไทยจะเจอการหดตัวทางเศรษฐกิจ 2 ปีอย่างต่อเนื่อง เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดา ถ้าไม่โง่ ไม่หวยจริงทำไม่ได้

“ก่อนล็อคดาวน์รอบที่ 3 ตัวเลขคนยากจนในไทยไม่ต่ำกว่า 7 ล้านคนรัฐบาลเก่งแต่กู้ กู้มาแจก แจกบัตรคนจน ต่อไปก็แจกบัตรขอทานแน่ ความตกต่ำไม่ต้องโทษโควิดแต่โทษพล.อ.ประยุทธ์คนเดียวเป็นนายกฯที่เลวร้ายที่สุดที่ประเทศเคยมีมา ล็อกดาวน์เศรษฐกิจ รอบปัจจุบันสร้างความเสียหายให้เศรษฐกิจเดือนละ2- 3แสนล้านบาทต่อเดือน เป็นการล็อกดาวน์ไม่มีแบบแผน เยียวยาเหมือนจับสลากชิงโชค รัฐบาลบอกหากสถานการณ์ไม่คลี่คลาย จะล็อกแบบอู่หั่นโมเดล ถ้าล็อกดาวน์กทม.และปริมณฑลแบบอู่หั่น กทม.ที่เป็นศูนย์กลางทุกอย่าง เศรษฐกิจจะเดินอย่างไร สักแต่พูด แต่ไม่เข้าใจเศรษฐกิจ การล็อกดาวน์ทำให้มีตัวเลขว่างงานในระบบเกือบล้านคน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เด็กจบใหม่หลายล้านคนหางานทำไม่ได้ ไม่แปลกใจที่เด็กออกมาขับไล่รัฐบาล เพราะพรากอนาคตเขาไป”นายจุลพันธ์ อภิปราย

นายจุลพันธ์ อภิปรายต่อว่า นี่คือความล้มเหลวการบริหารเศรษฐกิจของพล.อ.ประยุทธ์ ความเสียหายเหล่านี้ต้องใช้เวลาหลายสิบปีฟื้นความสามารถการแข่งขันกลับมา ประเทศไทยเคยเป็นเป้าหมายนักลงทุนทั่วโลก แต่8 ปีของพล.อ.ประยุทธ์ทำให้เราเป็นคนป่วยแห่งเอเชียจากการบริหารผิดพลาดเรื่องวัคซีน จึงไม่สามารถฟื้นตัวเมื่อเศรษฐกิจโลกกลับมาเป็นบวก การบริหารของพล.อ.ประยุทธ์ทำให้หนี้ครัวเรือนสูงที่สุดกว่า90% ทุกครัวเรือน ทุกหมู่บ้านมีแต่หนี้นอกระบบเต็มไปหมด ไม่ต่างอะไรกับการเอาถุงดำมาคลุมหัวคนไทยให้ตาย ขณะที่หนี้ภาคธนาคารก็น่าห่วง ตัวเลขเอ็นพีแอลสูงขึ้นจากการที่ธุรกิจล้ม แต่หนี้ยังอยู่ เพราะมีรัฐบาลเป็นตัวถ่วงต่อการทำมาหากินของประชาชน การมีผู้นำผิดสักคน นำประเทศลงเหว คนไทยยากจน แต่เจ้าสัวกลุ่มหนึ่งรวยขึ้นๆ 8ปีที่ผ่านมา 10 อันดับคนรวยที่สุดในไทย รวยเพิ่มขึ้นถึง1.2 ล้านล้านบาท

“คนไทยชอกช้ำการโกหกของพล.อ.ประยุทธ์ ที่โกหกจนเป็นเรื่องปกติ มีแต่ขายฝันในคืนหลอกลวง ไม่เชื่อพล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้เสียงก่นด่าและรู้ตัว แต่พล.อ.ประยุทธ์ยังหวังอาจดวงดี พลิกสถานการณ์คืนมาได้ นายกฯหลายประเทศประกาศลาออกเพราะบริหารโควิดผิดพลาด แต่นายกฯไทยบอกมึงมาไล่ดูซิ นี่คือความโอหังคลั่งอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์ ขอเป็นตัวแทนประชาชนรับคำท้า ไม่ไว้วางใจให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯต่อไป พล.อ.ประยุทธ์ออกไป”