

วันที่ 20 พฤศจิกายน 2564 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เทเลนอร์ กรุ๊ป บริษัทแม่ของบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ได้ชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ว่า เทเลนอร์ กรุ๊ปกำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับเครือเจริญโภคภัณฑ์ (เครือซีพี) เพื่อควบรวมบริษัทดีแทค เข้ากับบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) หรือทรู ของเครือซีพี โดยจะดำเนินกิจการร่วมกันในรูปแบบอีโค พาร์ทเนอร์ ชิพ (EcoPartnership) คาดว่าจะแถลงความชัดเจนในวันที่ 22 พฤศจิกายนนี้
อย่างไรก็ตามเทเลนอร์แถลงระบุว่า ยังมีหลายประเด็นที่คั่งค้างอยู่ และยังไม่มีความแน่นอนว่าการหารือนี้จะส่งผลให้เกิดความตกลงขึ้นได้ในที่สุด ทางเทเลนอร์จะไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ เพิ่มเติมระหว่างดำเนินกระบวนการนี้
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า มูลค่าของทรูในไทยอยู่ที่ 4,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ปัจจุบันมีผู้ใช้งานกว่า 32 ล้านเลขหมาย ส่วน ดีแทค อยู่ที่ 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ มีผู้ใช้งานกว่า 19.3 ล้านเลขหมาย หากทั้ง 2 บริษัทควบรวมกัน จะทำให้มีผู้ใช้งานราว 51.3 ล้านเลขหมาย มากกว่าเอไอเอสซึ่งเป็นผู้นำตลาดขณะนี้ที่มีผู้ใช้งาน 43.7 ล้านเลขหมาย
รอยเตอร์อ้างความเห็นของนาย แมดส์ โรเซนดาล นักวิเคราะห์ของดอยชต์แบงก์ ระบุว่า ความตกลงดังกล่าว หากได้รับความเห็นชอบ จะส่งผลให้เกิดบริษัทใหม่ที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดในไทยที่ 52% สูงกว่าผู้นำตลาดในปัจจุบันคือ เอไอเอส มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 44% การควบรวมกิจการดังกล่าวสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของเทเลนอร์ที่พยายามลดความเสี่ยงลงพร้อมๆ กับเพิ่้มมูลค่าให้กับหน่วยธุรกิจของตนในเอเชีย
โรเซนดาลเห็นว่า การรวมกิจการครั้งนี้เป็นผลดีต่อเทเลนอร์ เพราะจะเพิ่มศักยภาพ และลดต้นทุนจากการใช้ทรัพยากรร่วมกัน ขณะที่ผลประกอบการของดีแทคอ่อนแอลงในระยะหลัง
วันเดียวกัน น.ส.ณภัทร ธัญญกุลสัจจา เลขานุการบริษัท ดีแทค แจ้งตลาดหลักทรัพยืแห่งประเทศไทยว่า สืบเนื่องจากที่มีการคาดการณ์ในสื่อต่างๆ เกี่ยวกับ ดีแทค และบริษัท ทรู นั้น บริษัทขอเรียนให้ทราบว่าทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะได้รับการชี้แจงจากบริษัทตามที่กําหนดตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้ทราบต่อไป
เช่นเดียวกันกับ น.ส.ยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงินบริษัททรู ชี้แจงตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ตามที่มีข่าวเกี่ยวกับทรู และดีแทค นั้น บริษัทขอเรียนว่าหากมีข้อชี้แจงใดๆ ที่บริษัทมีหน้าที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทจะแจ้งข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์ฯต่อไป