เทขายทำกำไรหลังดัชนีพุ่งสูงหลายวันต่อเนื่อง ดาวโจนส์ติดลบกว่า 100 จุด

  • นักลงทุนเทขายหุ้นที่ได้กำไร หลังราคาขึ้นติดต่อกันหลายวัน
  • ความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมปรับตัวขึ้น 4.5 จุด สู่ระดับ 94.4 ในเดือนพ.ค.
  • สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติ (NBER) ชี้เศรษฐกิจสหรัฐเริ่มกลับมาขยายตัวไตรมาส 3

เมื่อเวลา 21.55 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ 27,413.40 จุด ลดลง 159.04 จุด หรือ -0.58%ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 3,213.42 จุด ลดลง 18.97 จุด หรือ -0.59% อย่างไรก็ตาม ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ยังคงยืนในแดนบวก หลังดัชนีขึ้นไปแตะจุดสูงสุดใหม่วานนี้ โดยเคลื่อนไหวที่ 9,944.88 จุด เพิ่มขึ้นิ20.13 จุดหรือ +0.20%

หลังจากบวกต่อเนื่องมาหลายวันทำการ นักลงทุนพากันเทขายทำกำไร และลดความเสี่ยงลง เนื่องจากดัชนีขึ้นมาในระดับที่สูง กว่าที่คาดการณ์ แม้ว่าการคลายล็อกดาวน์จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในระยะต่อไปก็ตาม

โดยสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติสหรัฐ (NBER) ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐได้เข้าสู่ภาวะถดถอยในเดือนก.พ. โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะทให้เศรษฐกิจสหรัฐหยุดช่วงเวลการขยายตัวที่ยาวนานที่สุดตั้งแต่ปี 1979

NBER เปิดเผยว่า การทรุดตัวของการจ้างงานและการผลิตในระดับที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน และผลกระทบในวงกว้างต่อระบบเศรษฐกิจทั้งหมด ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยคาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาส 2 จะทรุดตัวลงมากกว่า 20%

อย่างไรก็ดี NBER คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะมีการขยายตัวตั้งแต่ไตรมาส 3 ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจถดถอยรอบนี้ นอกจากจะมีความรุนแรงเป็นประวัติการณ์ ยังทำสถิติช่วงเวลาสั้นที่สุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน

นอกจากนั้น สหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB) แถลงในวันนี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมปรับตัวขึ้น 4.5 จุด สู่ระดับ 94.4 ในเดือนพ.ค. หลังจากลดลงในเดือน มี.ค.และเม.ย.และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

NFIB ระบุว่า เจ้าของกิจการมีความเชื่อมั่นมากขึ้นต่อภาวะเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนข้างหน้า โดยบริษัทจำนวนมากขึ้นระบุว่ามีแผนที่จะลงทุนและจ้างงาน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากโครงการ Paycheck Protection Program ของรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งช่วยให้บรรดานายจ้างสามารถว่าจ้างพนักงานในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19

นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่กำลังเริ่มต้นเช้าวันที่ 9 และต่อเนื่องไปถึงวันที่ 10 มิ.ย.โดยมองหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งทิศทางอัตราดอกเบี้ย