เซ็นมินิเอฟทีเอ “ไทย-ไห่หนาน” ครั้งประวัติศาสตร์



  • “จุรินทร์”เผยเป็นครั้งแรกที่ทำกับระดับมณฑลของจีน
  • เน้นความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้า 5 ด้าน
  • ตั้งเป้าดันยอดการค้าเพิ่มเป็น 1.2 หมื่นล้านใน 2 ปี

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยระหว่างการเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ด้านความร่วมมือทางการค้าไทย-ไห่หนาน ระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กับกรมพาณิชย์ไห่หนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ผ่านระบบทางไกล ที่กระทรวงพาณิชย์ ว่า พิธีลงนามวันนี้ เป็นก้าวที่มีความสำคัญ และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ทั้ง 2 หน่วยงานของ 2 ประเทศ จะช่วยสร้างความร่วมมือทางการค้าให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และจะเป็นการเชื่อมโยงห่วงโซ่การค้าบนพื้นฐานความร่วมมือฉันท์มิตรระหว่างกันตลอดไป

“ความร่วมมือที่เกิดขึ้นนี้ ถือเป็นมินิ เอฟทีเอ ฉบับแรกที่ไทยทำกับมณฑลในประเทศจีน ซึ่งเป็นนโยบายที่ให้ไว้กับกระทรวงพาณิชย์ว่า ให้ทำความตกลงการค้าฉบับเล็ก หรือ มินิ เอฟทีเอ โดยทำกับรัฐต่าง ๆ ที่บางรัฐมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่า หรือมีจำนวนประชาชนมากกว่าไทย โดยไห่หนานเป็นตัวอย่างแรกที่เกิดขึ้นกับจีน และยังมีแผนที่จะทำกับมณฑลอื่น ๆ ของจีนอีก เช่น มณฑลกานชู ที่มีชาวมุสลิมอยู่มาก เพื่อเป็นลู่ทางในการส่งเสริมการค้าสินค้าฮาลาล รวมถึงมณฑลอื่นๆ ที่เห็นว่าเป็นโอกาสของไทย”

สำหรับสาระของเอ็มโอยู ประกอบด้วยความร่วมมือ 5 ด้าน ได้แก่ 1.ด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการค้าระหว่างกัน 2. ด้านการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการค้า ด้านสินค้า ด้านนวัตกรรม และการตลาด รวมทั้งการส่งเสริมการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าระหว่างกัน เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้า 3.ด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้า 4.ด้านการมุ่งขยายมูลค่าการค้าใน 3 สินค้าหลัก คือ สินค้าเกษตร อาหาร และอุตสาหกรรม 5.ความร่วมมือด้านอีคอมเมิร์ซ เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันจากปี 63 ที่ 9,233 ล้านบาท เพิ่มเป็น 12,000 ล้านบาทภายใน 2 ปี หรือในปี 66 โดยเอ็มโอยูฉบับนี้ จะมีผลเป็นระยะเวลา 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค.64 – 20 ส.ค.66



นอกจากนี้ ไทยยังได้เตรียมทำมินิ เอฟทีเอ กับรัฐเตลังคานา ของอินเดีย ซึ่งรอลงนามร่วมกัน และกำลังดำเนินการกับจังหวัดคยองกี เกาหลีใต้ รวมทั้งยังมอบหมายให้ทูตพาณิชย์ของไทยในทั่วโลก ประสานกับมณฑล หรือเมืองสำคัญ ที่เห็นว่าจะเป็นโอกาสทางการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจ เพื่อทำมินิ เอฟทีเอเพิ่มขึ้น

ด้านนายเฝิง เฟย ผู้ว่าการมณฑลไห่หนาน กล่าวว่า หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการลงนามครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ในการสร้างความร่วมมืออย่างมีประสิทธิภาพและยาวนาน ต่อจากนี้เป็นการขยายความร่วมมือระหว่างมณฑลไห่หนานและประเทศไทย ทั้งทางด้านธุรกิจการค้า อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว วัฒนธรรมและสังคม เป็นต้น ทั้งสองฝ่ายจะร่วมแบ่งปันโอกาสใหม่ ๆ แสวงหาการพัฒนาใหม่ในอนาคตร่วมกัน