“เจพีมอร์แกน” ปิดดีลซื้อ “เฟิร์สท์ รีพับลิก แบงก์”



  • “เจพีมอร์แกน” ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ
  • ได้เข้าซื้อกิจการธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิก แบงก์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
  • ซีอีโอเจพีมอร์แกนเผย วิกฤตแบงก์สหรัฐฯใกล้สิ้นสุดแล้ว


นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธนาคารเจพีมอร์แกน กล่าวว่า เจพีมอร์แกน ได้ยื่นข้อเสนอซื้อในลักษณะที่ช่วยบรรเทาความเสียหายที่มีต่อบรรษัทรับประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของเฟิร์สท์ รีพับลิก แบงก์ (FRB)แล้ว ซึ่งภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว เจพีมอร์แกนจะเข้าครอบครองเงินฝาก 92,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯของเฟิร์สท์ รีพับลิก แบงก์ และเงินกู้อีก 173,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ รวมทั้งหลักทรัพย์จำนวน 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

นายเจมี ไดมอน ระบุว่า วิกฤตการณ์ซึ่งเป็นเหตุให้ธนาคารระดับภูมิภาค 3 แห่งของสหรัฐล่มสลายลงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว หลังจากเจพีมอร์แกนได้ตัดสินใจเข้าซื้อกิจการ ธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิก แบงก์ ในครั้งนี้

สำหรับเฟิร์สท์ รีพับลิก แบงก์ (FRB) จัดเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดอันดับที่ 14 ในสหรัฐ มีสำนักงาน 80 แห่ง ใน 7 รัฐ และมีการจ้างงานกว่า 7,200 คน เป็นธนาคารที่มุ่งเน้นการให้บริการไพรเวทแบงกิ้งแก่ผู้ที่มีฐานะร่ำรวย ก่อตั้งขึ้นในปี 2528 โดยนายจิม เฮอร์เบิร์ต ประธานบริษัท

ทั้งนี้เมื่อธนาคารกลางสหรัฐ (FED) เพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ได้ส่งผลกระทบต่อมูลค่าของพันธบัตรและเงินกู้ยืมที่เฟิร์สท์ รีพับลิก แบงก์ ได้ซื้อไปก่อนหน้านี้ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยยังต่ำ ตามมาด้วยลูกค้าแห่ถอนเงินออกจากธนาคาร เนื่องจากลูกค้าต้องการได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าจากที่อื่น และส่วนหนึ่งเป็นเพราะกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของธนาคาร ทำให้เฟิร์สท์ รีพับลิก แบงก์ ประสบปัญหาใหญ่เนื่องจากไม่มีเงินเพียงพอที่จะดำเนินกิจการต่อไปได้