เงินเฟ้อเดือนม.ค.67 ลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4



เงินเฟ้อ เดือนม.ค.67 ลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 มาจากราคาสาเหตุหลัก คือ สินค้าหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลง 1.13%

  • ติดลบ 1.11% ต่ำสุดในรอบ 35 เดือนนีบจากก.พ.64
  • เหตุมาตรการรัฐลดราคาพลังงาน-ราคาผักสดดิ่ง
  • คาดไตรมาสแรกปีนี้ลบต่อเนื่องและทั้งปีคาดโต 0.7%

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือน ม.ค.66 เท่ากับ 106.98 เทียบกับเดือนธ.ค.66 เพิ่มขึ้น 0.02% แต่เทียบกับเดือน ม.ค.66 ลดลง 1.11% ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และต่ำสุดในรอบ 35 เดือน นับจากเดือนก.พ.64 โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากมาตรการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของภาครัฐ, ราคาสินค้าในกลุ่มอาหารสดลดลงต่อเนื่องจากเดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะผักสดและเนื้อสัตว์ เพราะปริมาณผลผลิตเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้น รวมทั้งฐานราคาเดือน ม.ค.66 ที่ใช้คำนวณเงินเฟ้อค่อนข้างสูง จึงทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลง ขณะที่สินค้าและบริการอื่นๆ ราคายังคงปกติ ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐาน เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก เพิ่มขึ้น 0.02% เมื่อเทียบเดือน ธ.ค.66 และเพิ่มขึ้น 0.52% เมื่อเทียบกับเดือน ม.ค.66

“แต่ยืนยันว่า ยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินใด เพราะเงินเฟ้อพื้นฐานเดือนม.ค.67 ที่ตัดอาหารสด และราคาพลังงาน ที่มีความผันผวน และรัฐใช้มาตรการช่วยเหลือออกจากการคำนวณ ยังสูงขึ้น 0.52% ส่วนทั้งปี 66 ก็โต 0.52% ยังคงเติบโต และยังคงที่ สำหรับการที่เงินเฟ้อลบติดต่อกัน 3 เดือนก็ต้องไปดูว่า ราคาสินค้าส่วนใหญ่ลดลงหรือเปล่า ซึ่งก็มีทั้งสูงขึ้น ลดลง คงที่ และยังต้องไปดูที่เงินเฟ้อ มันเฟ้อโดยตัวของมันเอง หรือมีกลไกแทรกแซง ของไทยที่ติดลบ เพราะมีการแทรกแซง โดยเฉพาะนโยบายลดค่าครองชีพ ทั้งน้ำมัน ค่าไฟฟ้าที่เป็นตัวหลัก สรุป คือ ยังไม่ฝืด ยังไม่น่าเป็นห่วง”

สำหรับเงินเฟ้อเดือน ม.ค.67 ที่ลดลง 1.11% มาจากราคาสาเหตุหลัก คือ สินค้าหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลง 1.13% ตามการลดลงของราคาสินค้าในกลุ่มพลังงาน และค่ากระแสไฟฟ้าเป็นสำคัญ ส่วนหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ลดลง 1.06% ตามการลดลงของราคาสินค้าในกลุ่มเนื้อสัตว์ เป็ด ไก่และสัตว์น้ำ ผักสด และผลไม้ ลดลงจากปริมาณผลผลิตเข้าสู่ตลาดจำนวนมาก

นายพูนพงษ์ กล่าวต่อถึงแนวโน้มเงินเฟ้อทั่วไปเดือน ก.พ.67 และเดือน มี.ค.67 คาดว่าจะลดลงต่อเนื่อง จากมาตรการลดค่าครองชีพด้านพลังงาน ได้แก่ การตรึงราคาค่ากระแสไฟฟ้าในอัตราไม่เกิน 3.99 บาทต่อหน่วย สำหรับครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ซึ่งมีประชาชนได้รับประโยชน์ 17.77 ล้านราย และมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร จนถึงวันที่ 19 เม.ย.67 และผลกระทบของเอลนีโญลดลง ทำให้ปริมาณผักสดเข้าสู่ตลาดมากกว่าปีก่อนหน้า ส่งผลให้ราคามีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง โดยไตรมาส 1 ปี 67 เงินเฟ้อน่าจะติดลบประมาณ 0.7% ส่วนเดือนต่อๆ ไป อาจเห็นบวกบ้าง ลบบ้าง

สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้เฟ้อสูงขึ้น มีทั้งสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ยังยืดเยื้อ ทำให้ค่าระวางเรือและสินค้าโภคภัณฑ์ที่สำคัญปรับตัวสูงขึ้น เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่า ส่งผลให้ราคาสินค้านำเข้าสูงขึ้น ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้น ทั้งจากความต้องการเพิ่มขึ้น และการปรับราคาเพื่อให้มีความสมดุลและเป็นธรรมกับผู้ที่เกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่อุปทาน และการขยายตัวต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว หลังจากภาครัฐมีนโยบายอำนวยความสะดวกในการเดินทางมาประเทศไทย ของนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจประเทศต่าง ๆ ส่งผลให้อุปสงค์และราคาสินค้าในหมวดที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยวปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2567 อยู่ระหว่าง ลบ 0.3% ถึงเพิ่ม 1.7% ค่ากลาง 0.7%