

- หลังราคาอาหารสด-ผักผลไม้-น้ำมันยังพุ่งไม่หยุด
- เหตุตรุษจีนดันความต้องการใช้-ภัยแล้งทำผลผลิตลด
- โคโรนาคาดเห็นผลกระทบชัดเดือนหน้าอาจฉุดราคาอาหารดิ่ง
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการ สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยถึงดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนม.ค.63 ว่า ดัชนีอยู่ที่ 102.78 เมื่อเทียบกับเดือนธ.ค.62 เพิ่มขึ้น 0.16% แต่เมื่อเทียบกับเดือนม.ค.62 เพิ่มขึ้นถึง 1.05% ถือเป็นอัตราขยายตัวสูงสุดในรอบ 8 เดือน นับจากเดือนพ.ค.62 ที่ขยายตัว 1.15% ขณะที่ดัชนีเงินเฟ้อพื้นฐาน หักสินค้าหมวดอาหารสด และพลังงาน ที่มีผันผวนของราคาสูงออกจากการคำนวณ อยู่ที่ 102.82 เมื่อเทียบกับเดือนธ.ค.62 เพิ่มขึ้น 0.02% และเมื่อเทียบกับเดือนม.ค.62 เพิ่มขึ้น 0.47%
สาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อทั่วไปเดือนม.ค.63 สูงขึ้น 1.05% มาจากดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้น 1.82% จากการสูงขึ้นของ ข้าว แป้ง และผลิตภัณฑ์, เนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ และสัตว์น้ำ, ไข่ และผลิตภัณฑ์จากนม, ผักและผลไม้, เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์, อาหารบริโภคในบ้าน-นอกบ้าน ส่วนดัชนีหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้น 0.62% จากการสูงขึ้นของค่าโดยสารสาธารณะ น้ำมันเชื้อเพลิง เป็นสำคัญ

”ราคาอาหารสด ผัก-ผลไม้สด ที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นเพราะเดือนม.ค.63 มีเทศกาลตรุษจีน ที่มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้น รวมถึงได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ทำให้ราคาสินค้าเกษตรบางรายการสูงขึ้น โดยเฉพาะข้าวสารเหนียว ข้าวสารเจ้า ขณะที่ราคาน้ำมันยังทรงตัวในระดับสูง นอกจากนี้ ยังได้รับแรงกระตุ้นจากมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรของรัฐบาล จากโครงการประกันรายได้ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ทำให้เกษตรกร และประชาชนมีรายได้มาจับจ่ายเพิ่มขึ้น”
น.ส.พิมพ์ชนก กล่าวต่อว่า สำหรับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนานั้น ในเดือนม.ค.63 ยังไม่เห็นชัดเจน คาดจะเห็นผลชัดในเดือนก.พ.นี้เป็นต้นไป ซึ่งน่าจะทำให้การบริโภคอาหารนอกบ้านลดลง เพราะประชาชนไม่อยากออกไปนอกบ้าน และอาจจะฉุดให้ราคาลดลงตาม แต่ราคาสินค้าเกษตรบางรายการ จะสูงขึ้นจากภาวะภัยแล้ง ส่วนราคาน้ำมันอาจจะทรงตัวในระดับสูงต่อไป ทำให้คาดการณ์ว่า แนวโน้มเงินเฟ้อในไตรมาสแรกปีนี้ น่าจะขยายตัวใกล้เคียง 1% และทั้งปียังคงยืนยันเป้าหมายที่ 0.4-1.2% โดยมีค่ากลางอยู่ที่ 0.8%