

- ขยายตัว 0.53% ชะลอลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5
- เหตุราคาน้ำมันตลาดโลกดิ่ง-อาหารสดชะลอ
- พาณิชย์เตรียมปรับเป้าปีนี้ใหม่คาดโตต่ำกว่า 2.2%
นายวิชานัน นิวาตจินดา รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยถึงดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนพ.ค.66 ว่า เท่ากับ 107.19 เทียบกับเดือนเม.ย.66 ลดลง 0.71% แต่เทียบกับเดือนพ.ค.65 เพิ่มขึ้นเพียง 0.53% ชะลอตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 และต่ำสุดในรอบ 21 เดือนนับตั้งแต่เดือนก.ย.64 ที่ขยายตัว 1.68% โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากการลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าไฟฟ้า อาหารสด และฐานราคาเดือนพ.ค.65 ที่ใช้เปรียบเทียบเงินเฟ้อเดือนพ.ค.66 อยู่ในระดับสูง ส่วนเฉลี่ย 5 เดือน (ม.ค.-พ.ค.) ปีนี้เพิ่มขึ้น 2.96% ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานเดือนพ.ค.66 ที่หักอาหารสดและพลังงานออก เพิ่มขึ้น 0.06% เทียบกับเดือนเม.ย.66 และเพิ่มขึ้น 1.55% เทียบเดือน พ.ค.65 รวม 5 เดือนเพิ่มขึ้น 1.98%
สำหรับแนวโน้มเดือน มิ.ย.66 คาดว่า จะเริ่มทรงๆ ไม่เหมือนเดือนพ.ค.66 ที่ลดลงแรงมาเพิ่มเพียง 0.53% จากเดือนเม.ย.66 ที่เพิ่ม 2.67% และอาจเห็นต่ำกว่าเดือนพ.ค.66 หรือบางเดือนหลังจากนี้ อาจเพิ่มขึ้นใกล้เคียงเลขศูนย์ ถ้าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกทรงๆ หรือปรับขึ้นลงในกรอบแคบๆ และไม่น่ามีโอกาสเห็นราคาขึ้นไปเท่ากับปีก่อน แม้โอเปกลดกำลังการผลิตลง เพราะเศรษฐกิจโลกถดถอย จะฉุดความต้องการใช้ อีกทั้งฐานเงินเฟ้อปีก่อนสูงมาก ซึ่งจะมีผลทำให้เงินเฟ้อไม่เพิ่มขึ้นมาก แต่คงไม่ถึงขั้นติดลบ หากจะติดลบมีกรณีเดียว คือ รัฐมีมาตรการลดค่าครองชีพออกมาแบบแรงๆ อีก เช่น ลดค่าไฟฟ้า ลดราคาน้ำมัน หรือราคาน้ำมันโลกดิ่งลงมาก
“จากนี้เงินเฟ้อจะทรงๆ ไม่หวือหวา คาดว่า ไตรมาส 2 น่าจะเพิ่มเพียง 1% นิดๆ ไตรมาส 3 และ 4 น่าจะโตใกล้เคียง 1% เดือนหน้า สนค.จะปรับประมาณการเงินเฟ้อปี 66 ใหม่ มีโอกาสโตต่ำกว่าเดิมที่คาดโต 2.2% ส่วนยังต้องขึ้นดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่ ต้องถามคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เพราะมีหลายเรื่องที่ต้องดูแล ทั้งค่าเงินบาท เงินทุนไหลเข้าออก ต้นทุนสถาบันการเงิน ไม่ใช่แค่เงินฟ้อ ถ้าดูแลเงินเฟ้ออย่างเดียว ก็ไม่น่าขึ้นแล้ว”

อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาภัยแล้ง ที่จะทำให้ผลผลิตสินค้าเกษตรลดลง และราคาปรับขึ้น ความต้องการบริโภคสินค้าที่เพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยว และกิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาเหมือนเดิม รวมถึงต้นทุนการผลิตที่ยังอยู่ในระดับสูงจากราคาก๊าซหุงต้ม หรือในอนาคต จะมีการปรับขึ้นค่าแรง ที่อาจทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นได้ แต่เรื่องค่าแรง จะปรับขึ้นหรือไม่ ยังไม่ชัดเจน แต่หากปรับขึ้นจริง น่าจะเป็นการทยอยปรับขึ้นตามขั้นบันได ไม่ได้ปรับขึ้นพรวดเดียว
นายวิชานัน กล่าวว่า เงินเฟ้อเดือน พ.ค.66 ที่สูงขึ้น 0.53% มาจากการสูงขึ้นของหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 3.99% ชะลอตัวจากเดือนเม.ย.66 ที่สูงขึ้น 4.53% โดยสินค้าที่ราคาสูงขึ้น เช่น ผักและผลไม้ ไข่ไก่ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (กาแฟ/ชา (ร้อน/เย็น) น้ำอัดลม กาแฟผงสำเร็จรูป) และอาหารบริโภคในบ้าน ฯลฯ ส่วนหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลง 1.83% ตามการลดลงของดีเซล แก๊สโซฮอล์ และเบนซิน ค่าไฟฟ้า เครื่องรับโทรศัพท์มือถือ เครื่องรับโทรทัศน์ เครื่องปรับอากาศ ค่าสมาชิกเคเบิลทีวี ฯลฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศที่ลดลง และรัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้า ส่งผลให้ภาระค่าใช้จ่ายของครัวเรือนเดือนพ.ค.66 อยู่ที่ 18,023 บาท ลดลง 130 บาท จากเดือนเม.ย.66 ที่มีภาระ 18,153 บาท โดยสินค้าหมวดสำคัญที่ลดลงคือ ค่าโดยสารสาธารณะ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าบริการโทรศัพท์มือถือ อยู่ที่ 4,170 บาท ลดจาก 4,230 บาท, ค่าไฟฟ้า ค่าเช่าบ้าน ก๊าซหุงต้ม วัสดุก่อสร้าง 3,922 บาท ลดจาก 4,038 บาท, เนื้อสัตว์ 1,704 บาท ลดจาก 1,720 บาท ฯลฯ
