- ติดตามปัจจัยการรายงานเศรษกิจของธปท.
- ความคืบหน้าประเด็นการเจรจาการค้าสหรัฐฯ–จีน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท หลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด ได้สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทรอบสัปดาห์(23-27ต.ค. 62 )โดยเงินบาททยอยอ่อนค่าลงมาเคลื่อนไหวในกรอบที่อ่อนค่ากว่าระดับ30.60บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลงสอดคล้องกับสถานะขายสุทธิในตลาดหุ้น และพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติในระหว่างสัปดาห์ ขณะที่ทิศทางของสกุลเงินเอเชียในภาพรวมเผชิญแรงกดดันจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และประเด็นBREXITนอกจากนี้เงินดอลลาร์ฯยังมีแรงหนุนเพิ่มเติมในช่วงกลาง–ปลายสัปดาห์ จากสัญญาณเชิงบวกของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนซึ่งกระตุ้นความคาดหวังว่าทั้ง2ประเทศจะสามารถหาข้อสรุประหว่างกันได้
โดยค่าเงินบาทปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (27ก.ย.)เงินบาทอยู่ที่30.64บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 30.46บาทต่อดอลลาร์ฯในวันศุกร์ก่อนหน้า (20ก.ย.)
ส่วนแนวโน้มในวันที่ 30ก.ย.-4ต.ค.นี้ ธนาคารกสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 30.50-30.80บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยในประเทศที่สำคัญได้แก่ รายงานเศรษฐกิจ และการเงินเดือนส.ค.ของธปท.และตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.ย.ของกระทรวงพาณิชย์ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่สำคัญ ได้แก่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชน ดัชนีPMIและISMภาคการผลิตและภาคบริการเดือนก.ย.และรายจ่ายด้านการก่อสร้างเดือนส.ค.
นอกจากนี้ตลาดอาจรอติดตามข้อมูลPMIเดือนก.ย.ของจีนยูโรโซนและญี่ปุ่น รวมถึงถ้อยแถลงของประธานเฟดและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ เฟดสถานการณ์การเมืองภายในของสหรัฐฯการเจรจาการค้าสหรัฐฯ–จีนและทางออกของเรื่องBREXIT
สำหรับความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดปลายสัปดาห์ที่ระดับ1,643.76จุด เพิ่มขึ้น 0.46%จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่47,448.32ล้านบาทลดลง27.09%จากสัปดาห์ก่อน ส่วนตลาดหลักทรัพย์maiลดลง0.33%จากสัปดาห์ก่อนมาปิดที่345.63จุด
ทั้งนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงลงช่วงต้นสัปดาห์ ท่ามกลางความกังวลต่อความไม่แน่นอนในประเด็นการเจรจาการค้าสหรัฐฯ–จีน ก่อนจะฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วน โดยมีแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มสื่อสารและพลังงาน ดัชนีฯย่อตัวลงช่วงสั้นๆกลางสัปดาห์ โดยมีแรงฉุดจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในสหรัฐฯ แต่สามารถกลับมาปรับตัวขึ้นในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ โดยมีแรงหนุนจากรายงานข่าวเชิงบวกเกี่ยวกับประเด็นการค้าสหรัฐฯ–จีน นอกจากนี้การทำWindow Dressingก่อนสิ้นไตรมาส3/62ยังน่าจะช่วยหนุนให้ตลาดดีดตัวขึ้นต่อจนถึงช่วงปลายสัปดาห์เช่นกัน
ส่วนแนวโน้มในวันที่30ก.ย.-4ต.ค.บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่าดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่1,630และ1,610จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่1,650และ1,670จุดตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามได้แก่ความคืบหน้าประเด็นการเจรจาการค้าสหรัฐฯ–จีนสถานการณ์การเมืองภายในของสหรัฐฯสถานการณ์BREXITรวมถึงถ้อยแถลงของประธานเฟด
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่สำคัญได้แก่ดัชนีPMIภาคการผลิตและบริการตัวเลข การจ้างงานนอกภาคเกษตร และอัตราการว่างงานเดือนก.ย.ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆได้แก่ดัชนีPMI Compositeเดือนก.ย.ของยูโรโซนและญี่ปุ่นและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนส.ค.ของยูโรโซน