เกษตรกรยิ้ม! ราคาข้าวโพดเลี้ยงสุตว์พุ่งโลละ 9.50 บาท



  • รัฐประหยัดเงินอื้อไม่ต้องจ่ายส่วนต่างชดเชยรายได้งวด 1
  • เหตุราคาอ้างอิงสูงกว่าประกันที่กำหนดโลละ 8.50 บาท
  • ลุ้นถ้าราคาอ้างอิงยังสูงต่อเนื่องเกษตรกรขายผลผลิตได้ราคาดี

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลาง อ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 พ.ย.64 ได้ลงนามในประกาศเรื่อง การกำหนดราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 64/65 งวดที่ 1 สำหรับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร โดยมีวันเพาะปลูกตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.64 และระบุวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวก่อนวันที่ 20 พ.ย.64 โดยที่ประชุมมีมติไม่จ่ายชดเชยส่วนต่างงวดที่ 1 เพราะราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงอยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 9.45 บาท สูงกว่าราคาประกันรายได้ที่กำหนดกิโลกรัม (กก.) ละ 8.50 บาท หรือสูงกว่ากก.ละ 0.95 บาท

“การกำหนดราคาอ้างอิง เพื่อใช้เป็นเกณฑ์จ่ายเงินส่วนต่างชดเชยรายได้ให้กับเกษตรกรนั้น คณะอนุกรรมการฯ ได้ใช้ราคารับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ความชื้นไม่เกิน 14.5% ของกรมการค้าภายใน เฉลี่ยย้อนหลัง 30 วัน โดยถ่วงน้ำหนักราคาตามปริมาณผลผลิตรายจังหวัด ที่ออกสู่ตลาดรายเดือนในเดือนที่กำหนดราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงจากจังหวัดที่มีผลผลิตมากที่สุด 10 อันดับแรก ตามข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ได้แก่ เพชรบูรณ์นครราชสีมา น่าน ตาก เลย นครสวรรค์ ลพบุรี เชียงราย พิษณุโลก และแพร่ เพื่อคำนวณการจ่ายส่วนต่าง”

สำหรับโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 64/65 ซึ่งได้ดำเนินการต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 นั้น คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบให้ดำเนินโครงการเมื่อวันที่ 25 ต.ค.64 ในกรอบวงเงิน 1,863 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือด้านรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยจะจ่ายเดือนละครั้งทุกวันที่ 20 จนสิ้นสุดโครงการอย่างไรก็ตาม หากราคาอ้างอิงสูงกว่าราคาประกันไปจนถึงสิ้นสุดโครงการ รัฐไม่ต้องจ่ายชดเชยให้เกษตรกร เพราะเกษตรกรสามารถนำผลผลิตไปขายในตลาดได้ราคาสูงกว่าราคาประกันอยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้รัฐประหยัดงบประมาณได้จำนวนมาก โดยมีเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดทั้งประเทศ 450,000 ครัวเรือน ปลูกมากที่สุด คือ จังหวัดเพชรบูรณ์ รองลงมา คือ จังหวัดตาก เชียงราย และกระจายอยู่ 17 จังหวัดภาคเหนือ และอีกหลายจังหวัดในภาคอีสาน รวมถึงภาคอื่นด้วยเล็กน้อย