

- พร้อมต่อยอดโครงข่ายพื้นฐานด้านดิจิทัล ต่อเนื่องถึงปี64
- ผลักดันเกิดนวัตกรรมใหม่ๆยกระดับเศรษฐกิจไทย
- จัดแลกเปลี่ยนข้อมูลดึงเอสเอ็มอีฮ่องกง-ไทยร่วมลงทุน
นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยหลังร่วมประชุม Asian Financial Forum (AFF) ครั้งที่13 ที่เขตบริหารพิเศษฮ่องกง ว่า ประเทศไทยจะเร่งเดินหน้าปฎิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ เพื่อให้เศรษฐกิจภายในประเทศมีความแข็งแกร่งสามารถรองรับความผันผวนจากภายนอก โดยหนึ่งในยุทธศาสตร์ของการปฏิรูป คือ การปรับระบบนิเวศของโครงข่ายพื้นฐานเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital economy) เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ และผลักดันการลงทุนจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ
“ปี2563 และปี 2564 ประเทศไทยจะต่อยอดโครงข่ายพื้นฐานด้านดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง โดยนำระบบบล็อกเชน มาใช้พัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งจะครอบคลุมหน่วยงานทางเศรษฐกิจและสังคมต่างๆ อาทิ สำนักงานคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นต้น รวมถึงกระทรวงต่างๆ ด้วย “
อย่างไรก็ตามเพื่อให้เศรษฐกิจไทยเติบโตจะต้องผลักดันให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งจะทำให้ไทยสามารถยกระดับเศรษฐกิจ และเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทย ได้พัฒนาโครงข่ายพื้นฐานดิจิทัลหลายอย่างแล้ว อาทิ การลงทุนในอินเตอร์เน็ตหมู่บ้าน การสร้างโครงข่ายการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์(National e- Payment) ที่ทำให้ภาคเอกชนสามารถต่อยอดเข้ามาพัฒนาแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ ในการให้บริการประชาชน เป็นต้น

ส่วนการพัฒนาเศรษฐกิจระดับฐานราก ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้การพัฒนากระจายตัวอย่างทั่วถึง(Inclusiveness)นั้น รัฐบาลจะใช้ระบบNational e-payment เป็นเครื่องมือในการนำสวัสดิการของรัฐบาลช่วยเหลือคนที่สมควรผ่านโครงการต่างๆ อาทิ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน โครงการชิมช้อปใช้ เป็นต้น อย่างไรก็ตามในอนาคตรัฐบาลจะใช้ระบบบิ๊กดาต้า (Big Data)เพื่อประมวลข้อมูล เพื่อหาว่านโยบายอะไรที่จะสามารถตอบโจทย์ของประชาชนได้ดีที่สุด
นอกจากนี้ยังได้หารือกับองค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (Hong Kong Trade Development Council – HKTDC)เกี่ยวกับความร่วมมือที่จะผลักดันให้ผู้ประกอบการรายย่อย หรือเอสเอ็มอีของฮ่องกงกับไทยได้มีโอกาสพบปะแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อนำไปสู่การร่วมลงทุนระหว่างกัน โดยเห็นชอบที่จะจัดเวลาให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสองประเทศได้พบปะกันในช่วงปลายเดือนก.พ.ถึงต้นมี.ค.นี้
“ทาง HKTDC ต้องโปรโมทเอสเอ็มอีของเขา เราเองก็ต้องการโปรโมทเอสเอ็มอีเช่นกัน โดยในส่วนของไทยจะมอบหมายให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) เป็นเจ้าภาพของงานและดึงสถาบันการเงินของรัฐ และสภาอุตสาหกรรมเข้ามาร่วมด้วย โดยผมมองว่าอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ คือ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อาหาร ดีไซน์และการสร้างภาพยนตร์ เป็นต้น”