- นำไปสู่การจัดตั้งกองพลตอบโตเร็ว 5 พันนาย
- พร้อมประจำการอย่างรวดเร็วกรณีเกิดวิกฤติ
- ขณะที่ผู้นำอียูเร่งจับมือร่วมกันซื้อก๊าซจากแหล่งอื่น
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า คณะรัฐนตรีกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงกลาโหมของสหภาพยุโรป (อียู) อนุมัติแผนปฏิบัติการด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศของภูมิภาค ซึ่งจะนำไปสู่การจัดตั้งกองกำลังตอบโต้เร็ว พร้อมกำลังพล 5,000 นาย ที่สามารถประจำการอย่างรวดเร็วกรณีเกิดวิกฤติ
นายโจเซฟ บอเรลล์ ผู้แทนระดับสูงด้านกิจการต่างประเทศและนโยบายความมั่นคงของอียู กล่าวว่า แผนปฏิบัติการ “เข็มทิศยุทธศาสตร์” (Strategic Compass) ไม่ใช่การรับมือกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในยูเครน แต่เป็น “จุดเปลี่ยนของอียูในฐานะผู้จัดสรรความมั่นคง” และเป็นขั้นตอนสำคัญของนโยบายความมั่นคงและการป้องกันประเทศของยุโรป
ทั้งนี้ แผนปฏิบัติการดังกล่าว กำหนดการส่งเสริมความแข็งแกร่งของนโยบายความมั่นคงและการป้องกันประเทศของอียูภายในปี 2573 ประกอบด้วย การพัฒนายุทธศาสตร์ด้านอวกาศสำหรับความมั่นคงและการป้องกันประเทศ การออกนโยบายการป้องกันประเทศทางไซเบอร์ เพื่อเตรียมพร้อมและรับมือกับการโจมตีทางไซเบอร์ได้ดียิ่งขึ้น และการขยายขีดความสามารถทางการวิเคราะห์ข่าวกรอง
นายบอร์เรลล์ กล่าวว่า แผนปฏิบัติการจะช่วยให้อียูสามารถ “ลงมือปฏิบัติอย่างแน่วแน่และเป็นหนึ่งเดียวกัน” ตลอดจนยกระดับขีดความสามารถรับมือวิกฤต เพิ่มความแข็งแกร่ง และลงทุนด้านศักยภาพและนวัตกรรมการป้องกันประเทศที่จำเป็น
“ความแข็งแกร่งของอียูเกิดจากความมีเอกภาพ ความสมานฉันท์ และความมุ่งมั่น โดยจุดประสงค์ของเข็มทิศยุทธศาสตร์คือ การทำให้อียูเข้มแข็งขึ้น และเป็นผู้จัดสรรความมั่นคงที่มีความสามารถมากขึ้น”
ขณะเดียวกัน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างร่างแถลงการณ์งานประชุมสุดยอดวันที่ 24-25 มี.ค.นี้ ระบุว่า ในช่วงการประชุมดังกล่าว กลุ่มผู้นำจากประเทศในอียู จะตกลงที่จะร่วมกันซื้อก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และไฮโดรเจน ก่อนถึงฤดูหนาวครั้งหน้า
ทั้งนี้ การที่รัสเซียซึ่งเป็นผู้ผลิตก๊าซรายใหญ่ของยุโรปบุกโจมตียูเครน ส่งผลให้ราคาพลังงานพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ และทำให้อียูตั้งเป้าลดการใช้ก๊าซจากรัสเซียในปีนี้ และต้องเพิ่มการนำเข้าจากแหล่งอื่นแทน เช่น กาตาร์และสหรัฐฯ