อำลา…ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ “สาธารณสุข-คมนาคม” จัดกิจกรรมปิดศูนย์ฯ ขอบคุณเจ้าหน้า-จิตอาสา



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (30 ก.ย.65) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข พร้อมด้วยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เป็นประธานร่วมในพิธีปิดศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ โดยมี นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข นางสุขสมรวย วันทนียกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายชยธรรม์ พรหมศรปลัดกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานในสังกัด ผู้บริหารจากหน่วยงาน องค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน บุคลากรทางการแพทย์และจิตอาสาเข้าร่วมพิธี ในวันที่ 30 ก.ย. 2565 ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ กรุงเทพมหานคร

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายให้ใช้วัคซีนในการควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อลดการติดเชื้อและการระบาดที่ส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ ซึ่งในขณะนั้นเป็นช่วงเวลาที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ค่อนข้างรุนแรง และมีประชาชนจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนได้ กระทรวงคมนาคม และกระทรวงสาธารณสุข จึงได้หารือร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้รับวัคซีนคุณภาพอย่างทั่วถึงจนเกิดเป็นศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อขึ้นในที่สุด เพื่อรองรับการให้บริการฉีดวัคซีนแก่ประชาชน ตั้งแต่วันที่ 24 พ.ค. 2564 เป็นต้นมา 

สำหรับในส่วนของกระทรวงคมนาคมได้จัดสรรพื้นที่กว่า 14,000 ตารางเมตร ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ซึ่งเป็นพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยปรับเปลี่ยนจากสถานีรถไฟให้เป็นศูนย์กลางการให้บริการฉีดวัคซีนแก่ประชาชน 

นอกจากนี้ ยังได้จัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และจัดให้มีรถ Shuttle Bus วิ่งวนรับ – ส่งประชาชนที่จะเข้ารับวัคซีนที่ศูนย์ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงวัคซีนได้มากขึ้น และเป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้แก่พี่น้องประชาชน 

สำหรับศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ เปิดให้บริการวันแรกเมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2564 โดยให้บริการฉีดวัคซีนแก่พนักงานที่ปฏิบัติงานด่านหน้าในระบบคมนาคมขนส่ง ทั้งทางบก น้ำ ราง และอากาศ กว่า 300,000 คน เนื่องจากเป็นบุคลากรกลุ่มเสี่ยงซึ่งมีโอกาสเป็นผู้ติดเชื้อไวรัส โควิด-19 และอาจจะแพร่ระบาดไปสู่ผู้ใช้บริการอื่น เพื่อให้ประชาชนที่ใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะได้รับบริการอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดความปลอดภัย และเป็นไปตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 

กระทั่งจนถึงปัจจุบัน ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อเปิดให้บริการฉีดวัคซีนแก่ประชาชนรวมทั้งสิ้น 477 วัน รวม 6.5 ล้านโดส และมีจำนวนประชาชนที่เข้ามาฉีดวัคซีน 3.3 ล้านคน ซึ่งเป็นศูนย์เดียวของไทยและมีขนาดใหญ่มากที่สุดเมื่อเทียบกับศูนย์อื่นๆ ทั่วโลก เนื่องจากไม่ได้เปิดต่อเนื่องเหมือนที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ทำให้ประชาชนชาวไทยชาวต่างชาติ และต่างด้าว ได้รับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างทั่วถึง สามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับคนไทย 

ทั้งนี้ ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อมีกำหนดปิดศูนย์      ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อในวันนี้ (30 ก.ย.65) เพื่อสอดคล้องกับที่กระทรวงสาธารณสุขมีแผนการประกาศให้โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เปลี่ยนจากโรคติดต่ออันตรายมาเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ในวันที่ 1 ต.ค. 2565 

อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการตระหนักถึงความสำคัญของบุคลากรที่มีส่วนช่วยสนับสนุนภารกิจระดับชาติ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม ของประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้ สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข จึงได้จัดกิจกรรมในวันนี้ขึ้น เพื่อแสดงความขอบคุณและสร้างขวัญกำลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และจิตอาสาทุกท่าน ที่ได้อุทิศตนปฏิบัติหน้าที่ด้วยความวิริยะ อุตสาหะ จวบจนเสร็จสิ้นภารกิจในครั้งนี้ นับเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนให้การดำเนินงานของศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อประสบความสำเร็จ และเกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อภาพรวมของประเทศ