อาเซียนเดินหน้าฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังซมพิษโควิด-19



  • เตรียมเพิ่มรายการสินค้าห้ามใช้มาตรการกีดกันการค้า
  • ไทยสบช่องเพิ่มสินค้าส่งออกหลักทั้งข้าว เกษตร อาหาร
  • พาณิชย์ย้ำถ้าไม่มีอุปสรรคยอดส่งออกปีนี้เพิ่มขึ้นได้แน่

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้สมาชิกอาเซียน อยู่ระหว่างการขยายบัญชีสินค้าจำเป็นเพิ่มเติมจากยาและเวชภัณฑ์ ที่เคยมีมติให้สมาชิกลดอุปสรรคการค้า และงดใช้มาตรการกีดกันทางการค้า เพื่อไม่ให้มีข้อจำกัดด้านการไหลเวียนของสินค้าที่จำเป็นต้องใช้ในช่วงโควิด-19 และล่าสุดยังเห็นตรงกันว่า ควรจะเพิ่มรายการสินค้าจำเป็นให้มากขึ้น เพราะขณะนี้อาเซียนอยู่ระหว่างการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากวิกฤตโควิด-19 หากการค้าสินค้าจำเป็นมีอุปสรรค ก็จะกระทบต่อการบริโภคและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ  

“สินค้าเป้าหมายที่อาเซียนได้หารือกันว่าควรจะเพิ่มในรายการสินค้าจำเป็น เช่น ข้าว สินค้าเกษตร และอาหาร เพราะจำเป็นสำหรับชีวิตความเป็นอยู่ ถ้ามีอุปสรรคในการค้าขาย อาจทำให้เกิดการขาดแคลน และการส่งอกไม่คล่องตัวได้ ซึ่งแต่ละประเทศกำลังคัดเลือกรายการ ที่จะเพิ่มเข้ามาในบัญชี ส่วนไทยได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว เห็นว่าควรจะเพิ่มข้าว อาหาร เนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ เป็นต้น เพราะเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของไทย และไทยมีศักยภาพในการผลิต หากไม่มีอุปสรรคหรือข้อกีดกัน ก็จะทำให้ไทยส่งออกได้เพิ่มขึ้น” 

สำหรับมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 อื่นๆ นั้น อาเซียนเห็นตรงกันที่จะต้องเร่งฟื้นฟูด้านสาธารณสุข เช่น การตั้งศูนย์อาเซียนด้านภาวะฉุกเฉินและโรคอุบัติใหม่ การเสริมสร้างความเข้มแข็งของทรัพยากรมนุษย์ เช่น การพัฒนาหลักสูตรอาชีวะ เพื่อรองรับตลาดแรงงาน หลังการระบาด การเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิต ลดอุปสรรคการค้า อำนวยความสะดวกด้านการขนส่ง การขับเคลื่อนการค้าดิจิทัล ที่จะต้องมีมากขึ้น เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) ให้สามารถค้าขายออนไลน์ เดินหน้าพลังงานยั่งยืน โลกสีเขียว เศรษฐกิจหมุนเวียน 

นอกจากนี้ อาเซียนจะต้องเร่งรัดให้ทุกประเทศเร่งกระบวนการภายในประเทศ เพื่อให้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) มีผลบังคับใช้โดยเร็ว โดยไทยเสนอให้ประเทศสมาชิกกำหนดวันการมีผลบังคับใช้ให้ชัดเจน คือ วันที่ 1 ม.ค.65 เพื่อที่ทุกประเทศจะได้มีเป้าหมายการดำเนินการภายใน และในส่วนของไทย รัฐสภาได้ให้การรับรองแล้ว ถือเป็นประเทศแรก และอยู่ระหว่างการเตรียมการภายในเพื่อให้สัตยาบันความตกลง