อายิโนะโมะโต๊ะ สนับสนุนทุกช่วงวัยให้มีสุขภาพดีรับสังคมผู้สูงวัย



อายิโนะโมะโต๊ะ เผยแผนการเปลี่ยนผ่านทางธุรกิจครั้งสำคัญ ปรับวิสัยทัศน์สู่การเป็น “ผู้นำในการสร้างความอยู่ดีมีสุขให้สังคมไทยอย่างยั่งยืน”

  • สนับสนุนทุกช่วงวัยให้มีสุขภาพดีรับสังคมผู้สูงวัย
  • พร้อมขยายแนวคิดสิ่งแวดล้อมยั่งยืนสู่ผู้บริโภค

นายอิชิโระ ซะกะกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า  บริษัทฯมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจเพื่อให้บรรลุพันธกิจในการสร้างความอยู่ดีมีสุขให้สังคมไทยโดยให้ความสำคัญกับการสร้าง Well-being หรือ “การอยู่ดีมีสุข”   โดยให้ความสำคัญกับการสร้าง Well-being หรือ “การอยู่ดีมีสุข” ทั้งกับเพื่อนพนักงานและคนไทยทุกคน ซึ่งในส่วนของเพื่อนพนักงาน ทางบริษัทฯ ได้มีการให้ความรู้ด้านโภชนาการที่ถูกต้อง พร้อมทั้งได้ดำเนินการปรับปรุงสถานที่ต่าง ๆ ในสถานประกอบการ เช่น โรงอาหารที่มีเมนูสุขภาพให้เลือกรับประทาน หรือสถานที่ออกกำลังกายที่ได้มาตรฐาน อันจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทั้งทางด้านอาหารและการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นได้

สำหรับผลสำเร็จในการดำเนินงานช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 – พ.ศ. 2565) อายิโนะโมะโต๊ะ ประเทศไทย สามารถลดการใช้น้ำต่อหน่วยการผลิตลงถึง 91% รวมทั้งการบำบัดน้ำทิ้งที่ได้มาตรฐานสูงกว่าที่กฎหมายกำหนดก่อนปล่อยคืนสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ  พร้อมทั้งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 267,000 ตัน หรือเทียบเท่าการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของต้นไม้ใหญ่กว่า 30 ล้านต้น และสามารถลดการใช้พลาสติกจากการดำเนินการปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น ลดขนาดหรือความหนาของบรรจุภัณฑ์พลาสติกลง โดยที่ยังคงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ไว้ได้ดีเหมือนเดิม หรือการยกเลิกบรรจุภัณฑ์ชั้นที่ 2 ซึ่งทำให้ช่วยลดการใช้พลาสติกลงได้กว่า 307 ตัน นอกจากนี้ เรายังมุ่งมั่นดำเนินการเพื่อลดปริมาณการสูญเสียอาหารและขยะอาหารได้ถึง 49% หรือประมาณ 1,000 ตัน อีกด้วย

“อายิโนะโมะโต๊ะ ได้ตั้งเป้าหมายในการดำเนินงาน 5 ด้าน เพื่อบรรลุเป้าหมายเพื่อความยั่งยืนในปี 2573 ได้แก่ 1) การลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 50% 2) การอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ 80% 3) ลดขยะพลาสติกเป็นศูนย์ (รีไซเคิลพลาสติก) 4) ลดปริมาณของเสียจากอาหารและอื่น ๆ ลง 50% และ 5) การจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืน 100% ด้วยการจัดการทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งการผลิตในโรงงานและภาคการเกษตร”