“อาคม”​ เผย ปลัดคลัง ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงอธิบดีซื้อหุ้นบางจากเพิ่ม



  • เพื่อความจริงกระจ่าง
  • ส่วนหุ้นESOP ไม่ต้องโอนสิทธิให้คลัง
  • เพราะเป็นสิทธิเฉพาะตัว

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง ได้รายงานให้ทราบถึงความคืบหน้ากรณีการเข้าไปซื้อขายหุ้น บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ​ของ 2 ผู้บริหารกระทรวงการคลัง ในฐานะตัวแทนกระทรวงการคลัง ไปเป็นกรรมการ (บอร์ด) คือ นายจำเริญ โพธิรอด อธิบดีกรมธนารักษ์ และน.ส.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมบัญชีกลาง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงของการซื้อหุ้นเพิ่มเติม นอกเหนือจากหุ้นภายใต้โครงการเสนอขายหุ้นสามัญต่อกรรมการ ผู้บริหารและพนักงานบริษัทฯ (Employee Stock Ownership Program :ESOP)  

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากที่ 2  อธิบดี ได้เข้าไปซื้อขายหุ้นบางจาก ในฐานะกรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังนั้น รมว.คลัง ได้สั่งการให้ 2 อธิบดีทำรายงานชี้แจงข้อมูลการซื้อขายหุ้นบางจากให้ทราบโดยเร็วที่สุด ซึ่งเมื่อวันที่ 7 มี.ค.2566 นายกฤษฎา ได้ทำบันทึกข้อความถึงรมว.คลัง แจ้งว่า 2 อธิบดีได้ชี้แจงข้อเท็จจริงการซื้อหุ้นบางจากมาให้รับทราบแล้ว โดยได้พิจารณาตามข้อบังคับกระทรวงการคลังว่าด้วยจรรยาของผู้บริหารกระทรวงคลัง เพื่อป้องกันการขัดแย้งระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม พ.ศ.2553 อีกทั้งยังได้มีการหารือกับที่ปรึกษาการคลัง ผู้อำนวยการกองกฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เป็นที่เรียบร้อย และมีข้อยุติว่า การได้รับสิทธิจองซื้อหุ้นESOPนี้ ไม่ต้องดำเนินการตามข้อ 9 ของข้อบังคับ แต่อย่างไรก็ดี ได้กำชับให้ผู้บริหารกระทรวงการคลัง คำนึงถึงการปฎิบัติตามกฎข้อบังคับหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดด้วย

ส่วนกรณีการซื้อหุ้นบางจากด้วยตัวตนเอง หรือในฐานะส่วนตัวนั้น เนื่องจากยังไม่มีรายงานข้อเท็จจริงในการดำเนินการซื้อขายหุ้นในส่วนของตนเองอย่างชัดเจนเพียงพอที่จะพิจารณาได้ จึงควรต้องให้มีการหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมสำหรับการซื้อขายหุ้นในนามส่วนตัวต่อไป 

สำหรับข้อบังคับกระทรวงการคลัง ข้อที่ 9 ซึ่งนายกฤษฎา และฝ่ายกฎหมาย ได้นำมาประกอบการพิจารณานั้น ระบุไว้ว่า  ในกรณีที่ผู้บริหารกระทรวงการคลัง ได้รับมอบหมายให้เป็นตัวแทนในรัฐวิสาหกิจและนิติบุคคล หากรัฐวิสาหกิจและนิติบุคคลให้สิทธิการได้มาซื้อหลักทรัพย์ในฐานะกรรมการ ให้ผู้บริหารกระทรวงการคลังผู้นั้น แจ้งรายละเอียดและเงื่อนไขดังกล่าวต่อกระทรวงการคลังภายใน 15 วัน นับจากวันที่ได้รับสิทธิจากรัฐวิสาหกิจ  หากกระทรวงการคลัง เห็นว่าหลักทรัพย์ดังกล่าว สอดคล้องกับนโยบายการถือครองหลักทรัพย์หรือนโยบายการลงทุนของรัฐบาล ให้ผู้บริหารกระทรวการคลัง โอนสิทธิการได้มาซึ่งหลักทรัพย์ดังกล่าวให้กระทรวงการคลัง ดำเนินการต่อไป  แต่หากกระทรวงการคลังเห็นว่า หลักทรัพย์นั้น ไม่สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ผู้แทนกระทรวงการคลัง สามารถใช้สิทธิิการมาซึ่งหลักทรัพย์นั้นได้ โดยให้รายงานการได้มาของหลักทรัพย์ตามที่กำหนดไว้ในหมวด3 ของข้อบังคับ ที่ต้องเปิดเผยข้อมูลและรายงานให้ผู้บังคับบัญชารับทราบภายใน 30 วัน และต้องรายงานทุก ๆ 3 เดือน จากนั้นปลัดกระทรวงการคลังจะรายงานให้รมว.คลังรับทราบตามขั้นลำดับขั้นตอนต่อไป

ทั้งนี้ตามระยะเวลาของการได้มาของหุ้นบางจากดังนี้ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2565 บอร์ดบางจากมีมติให้จัดสรรหุ้นESOPให้กรรมการและพนักงานบริษัท เพื่อเป็นค่าตอบแทนการทำงานตลาดปี2565 ในราคาหุ้นละ 28.14 บาท เป็นราคาตลาดหักส่วนลด10%  โดยกรรมการจะได้จัดสรรหุ้นจำนวน 300,000 หุ้น  โดยน.ส.กุลยา ได้ชำระเงินซื้อหุ้นบางจากจำนวน 300,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 28.14 บาท ไปเมื่อวันที่  28 ธ.ค.2565  และขายหุ้นไปเมื่อวันที่ 13 ม.ค.2566  ในราคาหุ้นละ 34-35 บาท 

ส่วนนายจำเริญ ได้มีการซื้อขายหุ้น 4 ครั้ง โดยครั้งแรกซื้อหุ้นำจำนวน 200,000 หุ้น วันที่ 22 ธ.ค.2565 ราคาหุ้นละ 31 บาท ครั้งที่2 จำนวน  100,000 หุ้น  วันที่ 22 ธ.ค.2565  ราคาหุ้นละ 30.75 บาท ครั้งที่3 จำนวน 300,000 หุ้น ราคาหุ้นละ  28.14 บาท  ส่วนครั้งที่ 4 เป็นการขายหุ้น จำนวน 150,000 หุ้น ราคาหุ้นละ  34.75 บาท