

- บัตรสวัสดิการแห่งรัฐลงทะเบียนต้นปีหน้า
- ชี้“ไบเดน” เป็นประธานาธิบดี ไทยได้ประโยชน์
- เพราะนโยบายภาษีทำให้มีการเคลื่อนย้ายฐานการผลิต
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลังกล่าวภายหลังจากการตรวจเยี่ยมกรมบัญชีกลางว่า ได้มอบนโยบายให้กรมบัญชีกลาง เร่งดำเนินการเบิกจ่ายในส่วนที่เกี่ยวข้องกับส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจให้รวดเร็วขึ้น โดยขณะนี้ได้เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบตั้งคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณโครงการขนาดใหญ่
สำหรับในปีงบประมาณ 2564 รัฐบาลตั้งงบประมาณรายจ่ายไว้ 3.285 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นงบลงทุน 648,000 ล้านบาทและงบรายจ่ายประจำ 2.636 ล้านล้านบาท โดยส่วนของรัฐวิสาหกิจต้องเบิกจ่าย ให้ได้ 100% ส่วนหน่วยงานราชการต้องเบิกจ่ายไม่น้อยกว่า 95% ซึ่งคิดว่าจะสามารถเบิกจ่ายได้ เพราะ แม้ในปีงบประมาณ 2563 จะเริ่มบังคับใช้ล่าช้าแต่ยังสามารถเบิกจ่ายได้ถึง 92%
นอกจากนี้ยังเตรียมครม.ให้แก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เพื่อนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ให้ระบบจัดซื้อจัดจ้างเป็นไปด้วยความสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น หลังจากที่มีข้อเสนอจากนักลงทุนต่างชาติในไทย เพื่อให้การดำเนินงานในโครงการก่อสร้างด้านโครงสร้างพื้นฐานและโครงการสำคัญ อาทิ โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) เป็นต้น รวดเร็วขึ้น
“ในส่วนของเงินสวัสดิการที่รัฐมีให้กับผู้สูงอายุและคนพิการ ตนได้ขอให้เร่งโอนเงินข้าบัญชีของคนกลุ่มนี้โดยไม่ขาดตอนและไม่ล่าช้า”
ส่วนการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รอบใหม่ คาดว่าจะเปิดลงทะเบียนได้ต้นปี 2564 ส่วนสวัสดิการที่บัตรสวัสดิการเคยได้รับ เช่น ส่วนลดในการซื้อก๊าซหุงต้ม เป็นต้น ยังได้รับตามเดิม ส่วนเงื่อนไขที่จะลงทะเบียนจะอิงรายได้ครัวเรือนแทนรายได้ส่วนบุคคลไม่เกิน 100,000 บาทต่อปีกำลังพิจารณาอยู่
ขณะที่กรณีที่นายโจ ไบเดน เตรียมขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยหรือไม่ นายอาคม กล่าวว่า หากย้อนดูนโยบายหาเสียงของนายโจ ไบเดน คาดว่าจะส่งผลดีต่อประเทศไทย โดยเฉพาะนโยบายการขึ้นภาษี รวมถึงการขึ้นค่าแรง ซึ่งจะทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายฐานการผลิตออกนอกสหรัฐฯ แต่ยังต้องดูก่อนว่านายโจ ไบเดน จะดำเนินการตามนโยบายหาเสียงหรือไม่