

- ลุ้นจีนปลดล็อก “ซีโร่โควิด”
- หวังนักท่องเที่ยวสิ้นปีนี้ทะลุ10ล้านคน
- ดันจีดีพีปีนี้โต3.4% ปีหน้าโต3.8%
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว .คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ทั่วโลกมีการคาดการณ์ว่าปี 2566 นั้น เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งก็ประเมินว่ามีอยู่ 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มอเมริกา และยุโรป ซึ่งมีการใช้นโยบายอย่างเข้มข้น เพื่อลดสถานการณ์ความร้องแรงของเงินเฟ้อ แต่หากมองในฝั่งเอเชียนั้น ยังมีส่วนที่จะเข้ามาช่วยเหลือเกื้อกูลกันอยู่ โดยเป็นเรื่องของนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ( Zero COVID) ของจีนหากปี 2566 จีนผ่อนคลายมาตรการดังกล่าวได้ ก็จะทำให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้วตัวได้
“ หากมองในเรื่องเศรษฐกิจโลกถดถอยนั้น ในกลุ่มเอเชีย แม้ว่าจะมีการปรับประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา จากคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวได้จาก 3.2% ลดเหลือ 2.7% ในปี 2566 ซึ่งต่ำลง แต่เศรษฐกิจเอเชียนั้น แม้จะลดประมาณการลงมา แต่ยังเป็นเทรนด์ที่เศรษฐกิจขยายตัวขึ้น เช่น ปีนี้กระทรวงการคลังคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2565 จะขยายตัวได้ 3.4% และปีหน้าจะขยายตัวได้ 3.8% เช่นเดียวกันกับประเทศจีน ปี 2565 คาดขยายตัวได้ 1.6% และปีหน้าประมาณ 4% เป็นต้น แสดงให้เห็นว่า แม้เศรษฐกิจปรับลดลงมา แต่ก็เป็นแนวโน้มของการฟื้นตัว”
นายอาคม กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยมีความชัดเจนว่ามีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น จากภาคการส่งออก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากค่าเงินบาท และต่อมาคือภาคการท่องเที่ยว โดยขณะนี้ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในไทยแล้ว 8.4 ล้านคน คาดว่าสิ้นปีนี้ จะมีกว่า 10 ล้านคน ถือเป็นจำนวน 1 ใน 4 ของนักท่องเที่ยวก่อนสถานการณ์โควิด และหากปีหน้ากลุ่มนักท่องเที่ยวอาเซียน รวมทั้งอินเดีย ก็จะทำให้นักท่องเที่ยวกลับมาเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจปีหน้าเติบโตขึ้นด้วย นอกจากนี้ ในปี 2566 ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนที่มีความต่อเนื่อง จากโครงการต่างๆ ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อีกช่องทางหนึ่ง”
ส่วนเรื่องค่าเงินบาทนั้น แม้จะปรับตัวแข็งค่าขึ้น แต่ยังอ่อนค่าอยู่เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนควรจะอยู่อัตราใดจึงจะเหมาะสมนั้น ไม่สามารถตอบได้ ซึ่งเป็นกลไกของตลาด แต่ขณะนี้ค่าเงินบาทก็ถือเป็นส่วนช่วยให้การส่งออกของไทยขยายตัวได้ดี โดยสถานการณ์ค่าเงินบาทวานนี้ (16 พ.ย.) เคลื่อนไหวในกรอบ 35.55 – 35.85 บาท/ดอลลาร์