“อาคม” จี้ “กสทช.-ค่ายมือถือ” ขยายเครือข่ายโทรคมนาคม รองรับบริการภาครัฐยุคดิจิทัล



วันที่ 24 มี.ค. 2564 สำนักงานสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)​ ได้จัดงานสัมมนาเรื่อง “พลิกโฉมตลาดทุนไทย ไปสู่ตลาดทุนดิจิทัล : เปิดตัว Digirtal Infrastructure ภายใต้ SANDBOX ก.ล.ต” ณ โรงแรม ดิ แอทธีนี โฮเทล แบงค๊อก โดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ​ รมว.คลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษ “การพัฒนาตลาดทุนดิจิทัล” ว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นตัวเร่งให้ทุกภาคส่วนปรับตัวเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตใหม่ ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัล มาเป็นเครื่องมือการทำงาน เพิ่มประสิทธิภาพ เช่นเดียวกับกับภาครัฐ ได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ปรับปรุงระบบจัดซื้อจัดจ้างให้ทันสมัยมากย่ิงขึ้น การออกหนังสือรับรองทางอิเล็กทรอนิสก์ การออกมาตรการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาภาระประชาชน ก็ได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนและผู้ใช้บริการ

ขณะเดียวกันต้องให้ข้อมูลความรู้กับประชาชนด้วย เพื่อให้เข้าถึง เข้าใจ บทบาทของตลาดทุน และเข้าถึงตลาดทุน เนื่องจากอยู่ที่ไหนประชาชนก็สามารถใช้บริการออนไลน์ได้ ซึ่งได้แจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ผู้ประกอบการโทรคมนาคมได้รับทราบว่า ขณะนี้บริการโทรคมนาคมยังไม่ทั่วถึง ทำให้คนในชนบท ไม่สามารถใช้บริการได้เท่าเทียมกับคนในเมือง ดังนั้นฝากให้กสทช.และค่ายมือถือ เร่งดำเนินการด้วย เพื่อให้เครือข่ายโทรคมนาคมครอบคลุมด้วย เนื่องจากนับจากนี้ไปบริการต่างๆของภาครัฐ จะเป็นการผ่านระบบดิจิทัล และผ่านมือถือมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

“กรณีกลุ่มไร้สมาร์ทโฟน กลุ่มที่ต้องการช่วยเหลือพิเศษ ที่เข้าร่วมโครงการเราชนะมีราว 2 ล้านคนนั้น ถือเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ดังนั้นเมื่อรู้จำนวนแล้ว ก็ต้องทำให้เรียนรู้การใช้เทคโนโลยี ขณะเดียวกันต้องให้ความรู้ ความเข้าใจกับประชาชนด้วย และทำให้ประชาชนเรียนรู้การใช้เทคโนลยีดิจิทัลด้วย เพราะจากนี้บริการภาครัฐ อาจจะให้บริการผ่านมือถือไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนด้วย ไม่อยู่จะอยู่ที่ไหนก็ได้ข้อมูล และบริการที่เท่าเทียมกัน”

นายอาคม กล่าวว่า ตลาดทุน ก็ได้ปรับตัวเช่นกัน ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงตลาดทุนได้ มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลรองรับการให้บริการที่กำลังเกิดขึ้นและจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งขณะนี้นับได้ว่าประเทศไทย เป็นประเทศอันดับ 3 ของโลก รองจากสิงคโปร์ และสวิสเซอร์แลนด์ ที่ได้นำระบบดิจิทัลมาใช้ในการขับเคลื่อนตลาดทุน ให้ทันสมัย รองรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีดิจิทัลที่รวดเร็ว ถ้าไม่ปรับตัวรับการเปลี่ยน ก็จะก้าวไม่ทันนานาประเทศ ขณะเดียวกันก.ล.ต.และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)​ก็ต้องมีกฎเหล็กหรือหลักเกณฑ์กำกับดูแลการลงทุนในตลาดคริปโตเคอเรนซี่ด้วย