“อาคม” คิกออฟ “คนละครึ่ง” เฟส 2 วันที่ 1 ม.ค.64



  • เชื่อธปท.มีแผนดูแลบาทแข็งเพิ่ม
  • ยันกู้เงินด้วยความระมัดระวัง

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลังกล่าวในงาน Beyond The Pandemic ว่า เศรษฐกิจไทยจะทยอยฟื้นตัวในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ซึ่งฟื้นตัวจากไตรมาสที่ 2 ที่ติดลบถึง 12.2% มาอยู่ที่ติดลบ 6.4% สะท้อนให้เห็นถึงเสถียรภาพทางการคลังที่ยังคงมีความแข็งแกร่งเป็น 4 เท่าของหนี้ระยะสั้น ขณะที่หนี้สาธารณะอยู่ที่ 49% ซึ่งถือว่าอยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลังซึ่งไม่เกิน 60% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี)​

ส่วนในปี 64 รัฐบาลจะเดินหน้าการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศโดยเฉพาะ โครงการคนละครึ่งระยะที่ 2 หรือเฟส 2 ที่จะเริ่มดำเนินการต่อเนื่องในวันที่ 1 ม.ค.2564 เพื่อเพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศ ซึ่งรายละเอียดจะต้องรอดูในเร็วๆ นี้ แต่คาดว่าจะทำให้จีดีพีไทยปีหน้าขยายตัว 3.5-4.5%

สำหรับการดูแลสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่านั้น กระทรวงการคลังจะทำงานสอดประสานกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยเชื่อว่าหลังจากนี้ธปท. จะมีมาตรการดูแลเพิ่มเติมจากที่ออกไปแล้วในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อไม่ให้ค่าเงินบาทแข็งค่าเกินไปจนส่งผลกระทบต่อการแข่งขันของผู้ส่งออก

“ตอนนี้บาทค่อนข้างแข็งมาก ดังนั้นหน่วยงานภาครัฐและธปท.ต้องดูแลเรื่องนี้ และอาจจะต้องมีมาตรการบางอย่างเพิ่มขึ้นมา เพื่อทำให้เงินบาทไม่แข็งเกินไป”

นอกจากนี้นโยบายของกระทรวงการคลัง ยังเน้นการเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงผลักดันในโครงการที่มีศักยภาพและสามารถเติบโตได้ในอนาคต ได้แก่ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับไอทีและดิจิทัล ธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพ

” กระทรวงการคลังมีความจำเป็นที่จะต้องกู้เงินเพื่อลงทุนในระยะต่อไป โดยรัฐบาลยืนยันจะทำด้วยความระวังและรอบคอบ โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อการกู้และเศรษฐกิจ โดยเฉพาะต้นทุนทางการเงินของเอกชน ดังนั้นจึงขอให้มั่นใจว่า รัฐบาลยังมีพื้นที่เหลือในการดูแลและกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปได้”

สำหรับเรื่องการดูแลรายได้ นับเป็นวาระที่กระทรวงการคลังให้ความสำคัญ โดยเฉพาะการปฏิรูปภาษี ที่จะส่งเสริมผลักดันให้เศรษฐกิจไทยมีความแข็งแกร่งควบคู่กับการมีเทคโนโลยีที่ดี เพื่อให้สามารถจัดเก็บรายได้ รวมถึงขยายฐานภาษีให้ครอบคลุมทั่วประเทศด้วย