

- ชี้ตลาด-ร้านค้า ยังเปิดบริการได้อยู่ ยังมีการเดินทาง
- เผยให้ขยายสัญญาจัดซื้อจัดจ้างได้เหตุรัฐปิดแคมป์คนงาน
- เตรียมรายงานมาตรการแก้หนี้แบงก์รัฐเข้าครม.พรุ่งนี้
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า โครงการกระตุ้นการใช้จ่ายประชาชนช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งโครงการคนละครึ่ง และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ยังคงเริ่มใช้จ่ายในโครงการวันแรก 1 ก.ค.64 ตามกำหนดโครงการเดิม และไม่ได้กังวลเรื่องสถานการณ์โควิด-19 จะทำให้ประชาชนออกไปจับจ่ายใช้สอยลดลง เนื่องจากตลาด และร้านค้า ยังเปิดอยู่ สามารถเดินทางไปซื้อได้ นอกจากนี้ยังไม่มีการขยายวงเงินในโครงการดังกล่าวด้วย
“ตอนนี้ทุกคนยังใช้จ่าย ตลาดก็ยังเปิด ทุกคนต้องกินต้องใช้ เพียงแต่ว่าหากเป็นร้านอาหารจะต้องมีการจำกัดเวลา ซึ่งคิดว่ามาตรการที่ออกมายังเดินได้อยู่ เพราะประชาชนก็เรียกร้องมานาน ส่วนการขยายวงเงินโครงการดังกล่าว ยังไม่มี ต้องรอดูสถานการณ์ เพราะยังมีมาตรการในการช่วยเหลือเยียวยาด้วย ทั้งมาตรการของผู้ประกันตน และเงินสมทบจากรัฐบาล รวมทั้งมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการด้วย”
ขณะที่โครงการเราชนะ ซึ่งเป็นการเยียวยาประชาชนในช่วงโควิด-19 แพร่ระบาด ซึ่งจะสิ้นสุดโครงการ วันที่ 30 มิ.ย.นี้นั้น ยังไม่ได้มีการพิจารณาขยายระยะเวลาโครงการดังกล่าว และไม่มีการพิจารณาเพิ่มเงินในโครงการดังกล่าวด้วย เนื่องจากช่วงครึ่งปีหลังยังมีการเพิ่มเงินในบัตรสวัสดิการ โดยการเพิ่มเงินเดือนละ 200 บาท นาน 6 เดือนอยู่แล้ว ซึ่งเป็นการดูแลตลอดไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ส่วนหากสถานการณ์ดีขึ้น ปีหน้าก็จะมาพิจารณาช่วยเหลือเพิ่มเติม
ขณะที่การควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ด้วยการปิดแคมป์คนงาน 1 เดือน ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย.2564 จะทำให้การจัดซื้อจัดจ้างโครงการรัฐล่าช้าหรือไม่นั้น นายอาคม กล่าวว่า กระทรวงการคลังมีหนังสือเวียนจากกรมบัญชีกลางให้หน่วยงานต่างๆ พิจารณาตามความจำเป็น เนื่องจากมีเหตุอ้างอิงได้จากพระราชกำหนด(พ.ร.ก.)ฉุกเฉิน และประกาศต่างๆ ซึ่งให้หน่วยงานต่างๆ ยึดตามหนังสือเวียนที่ออกไป ทั้งเรื่องการส่งมอบงาน การชำระเงินค่าเบี้ยปรับ และการขยายระยะเวลาสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง โดยพิจารณาตามเหตุผล ว่าผู้ประกอบการได้รับผลกระทบอย่างไร ซึ่งให้หน่วยงานนั้นๆ เป็นผู้พิจารณา
ส่วนแพ็กเกจการแก้ไขหนี้ของสถาบันการเงินของรัฐนั้น ในวันที่ 29 มิ.ย.นี้ กรทะรวงการคลังเตรียมรายงานความก้าวหน้ามาตรการช่วยเหลือทางการเงินทางด้านสินเชื่อ และการปรับโครงสร้างหนี้ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้รับทราบ โดยส่วนมากมาตรการของแบงก์รัฐก็เป็นมาตรการที่ดำเนินมาแล้วก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนโครงการที่สิ้นสุดระยะเวลาในเดือนมิ.ย.นี้ แต่ละแบงก์ก็ขยายเวลาออกไปจนถึงสิ้นปีหลายโครงการทั้งด้านสินเชื่อและการปรับโครงสร้างหนี้
ด้านนางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังจะเริ่มใส่เงินเข้ากระเป๋าผู้มีสิทธิ์ร่วมโครงการ “คนละครึ่ง”ในวันที่ 1 ก.ค.นี้ โดยผู้ร่วมโครงการสามารถใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันดังกล่าวเป็นต้น ซึ่งรวมถึงผู้ร่วมโครงการ”ยิ่งใช้ยิ่งได้”ซึ่งจะเริ่มในวันดังกล่าวเช่นกัน โดยโครงการนี้ จะเปิดให้ใช้จ่ายถึงวันที่ 30 ก.ย.นี้
สำหรับสิทธิ์โครงการคนละครึ่งขณะนี้ ยังเหลืออยู่ประมาณ 2.49 ล้านสิทธิ์ ส่วนโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ยังเหลือประมาณ 3.55 ล้านสิทธิ์