

- เพิ่มจุดให้บริการอีก 500 สาขาราวกลางเดือนพ.ค.นี้
- หลังเปิดตัวธุรกิจร่วมกับบริษัทเงินสดทันใจเมื่อปลายมี.ค.
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสินเปิดเผยว่า ประมาณกลางเดือนพ.ค.นี้ ธนาคารออมสินมีแผนจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนำทะเบียนรถลงอีก จากปัจจุบันออยู่ที่ 0.69%ต่อเดือน เพื่อช่วยเหลือลูกค้าในสถานการณ์ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19ระลอกใหม่ และช่วยดึงให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดลดลง
นอกจากนี้ ออมสินจะเปิดให้บริการจำนำทะเบียนรถในสาขาของธนาคารเพิ่มเติมอีก 500 สาขา จากปัจจุบันที่เปิดนำร่องการให้บริการผ่านสาขาจำนวน 35 สาขา ร่วมกับบริษัทเงินสดทันใจอีกประมาณ 4,900 สาขา ซึ่งสามารถให้บริการได้และได้รับเสียงตอบรับที่ดี
ทั้งนี้ ธุรกิจจำนำทะเบียนรถดังกล่าวนั้น ธนาคารได้เข้าไปร่วมทุนในกิจการกับบริษัทเงินสดทันใจ ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) ในสัดส่วน 49% โดยเปิดให้บริการเมื่อต้นเดือนปลายเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา
นายวิทัยกล่าวต่อว่า การที่ออมสินเข้าไปร่วมดำเนินธุรกิจดังกล่าว เพราะต้องการช่วยดึงอัตราดอกเบี้ยของธุรกิจนี้ในตลาดให้ลดลงจากที่จัดเก็บอยู่ราว 24%ต่อปี ทำให้ลูกหนี้รายย่อยได้รับผลกระทบ และเมื่อธนาคารได้กระโดดเข้ามาทำธุรกิจนี้ และคิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.69%ต่อเดือน ได้ทำให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดปรับลดลงทันทีเหลือประมาณ 0.63%-0.67%ต่อเดือน
“หลังจากที่เราเปิดตัวในธุรกิจจำนำทะเบียน ได้รับเสียงตอบรับที่ดี โดยยอดสินเชื่อขยายตัวดี แต่สิ่งที่เกิดขึ้นและเห็นได้ชัด คือ อัตราดอกเบี้ยในระบบของค่ายต่างๆนั้นลดลง ถือว่า เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของเรา โดยเดิมอัตราดอกเบี้ยในตลาดจะอยู่ที่ประมาณ 0.89-0.93% ต่อเดือน ”
ทั้งนี้ธนาคารตั้งเป้าหมายในปีแรกของการดำเนินธุรกิจว่า จะดึงลูกค้ารายย่อยที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน200,000 บาทต่อรายให้เข้ามาใช้บริการจำนวน 1 ล้านราย วงเงินสินเชื่อ 20,000 ล้านบาท
สำหับปัจจุบันสินเชื่อจำนำทะเบียนรถในตลาดมีสัดส่วนถึง 21% หรือ 100,000 ล้านบาทจากวงเงินสินเชื่อรวมของนอนแบงก์ทั้งหมด 481,000 ล้านบาทส่วนที่เหลือเป็นสินเชื่อส่วนบุคคล 48% มูลค่า 230,000 ล้านบาทและบัตรเครดิตอีก 31% มูลค่า 148,000 ล้านบาท
“ในปีนี้ ออมสินยังจะให้น้ำหนักไปที่การแก้ไขหนี้ โดยมีเป้าหมายลูกหนี้ที่จะเข้าไปแก้ไขประมาณ 80,000 ราย ขณะนี้แก้ไขให้กลับมาเป็นหนี้ดีได้แล้ว 500,000 ราย ทั้งนี้ เพื่อให้พอร์ตสินเชื่อของธนาคารมีความแข็งแรง อย่างไรก็ดี สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสแรกของปีนี้ ธนาคารยังสามารถทำกำไรได้ประมาณ 4 พันล้านบาท ขณะที่ ตั้งสำรองในช่วงเดือนม.ค.ที่ผ่านมาไปแล้วประมาณ 10,000 ล้านบาท”