ออมสิน สกัดหนี้ไหลเป็นเอ็นพีแอล เล็งปรับแผนชำระ-พักต้น-ลดดอกช่วยลูกหนี้กว่า 80,000 ล้านบาท



  • ให้เลือกจ่ายดอกเบี้ยตามอัตราที่กำหนด ตั้งแต่ 25%  50% และ 75%
  • ครึ่งปีหลังลุยโครงการสร้างอาชีพผู้ที่ออกจากงานแล้วกลับบ้านต่างจังหวัด
  • ยอมรับกำไรน้อยลงแน่นอน แต่แบงก์แข็งแกร่งมากขึ้น

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า เมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา ธนาคารได้ออกมาตรการพักหนี้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ให้กับลูกค้าทั้งหมด 2.5 ล้านบัญชี คิดเป็นวงเงินสินเชื่อกว่า 1.065 ล้านล้านบาท ซึ่งเมื่อมาตรการดังกล่าวสิ้นสุดแล้ว ลูกหนี้ส่วนใหญ่สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติ แต่ก็ยังมีลูกหนี้บางกลุ่มที่ไม่สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ตามงวดเดิม 250,000 ราย คิดเป็นวงเงินสินเชื่อ 80,000 ล้านบาท ซึ่งมีทั้งกลุ่มที่เป็นลูกค้ารายย่อย ข้าราชการ และประชาชนทั่วไป ดังนั้นธนาคารจึงได้ออกมาตรการปรับแผนชำระหนี้ พักเงินต้น ลดดอกเบี้ย เพื่อช่วยเหลือลูกค้าไม่ให้กลายเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)

“ที่เราออกมาตรการมาเพราะช่วยเหลือลูกค้าไม่ให้เป็น NPL เพราะถ้าเขาเป็นหนี้เสียแล้ว จะติดอยู่ในเครดิตประวัตินานถึง 3 ปี จะไม่สามารถกู้แบงก์ได้อีกหลายปี และจะกลายเป็นบูโร สกอร์ ซึ่งทำให้คะแนนต่ำมาก เมื่อต้องการขอสินเชื่อก็จะขอลำบาก  ออมสินจึงต้องช่วยลูกค้ากลุ่มนี้ และเราก็จะได้ประโยชน์ด้วย เพราะถ้าไม่ช่วยเขาคลื่นลูกนี้จะใหญ่ ซึ่งคาดว่าหากเข้าไปดูแลแล้ว อาจจะเหลือลูกค้าที่เป็นหนี้เสียประมาณ 20,000 ล้านบาท ธนาคารก็จะเอาสำรองทั่วไป (General provision) เข้ามาตัด”

นายวิทัย กล่าวว่า ในช่วงเดือน ธ.ค.63 ที่ผ่านมา ธนาคารมีหนี้ที่จะต้องติดตามอยู่ 60,000 ล้านบาท ซึ่งหากแก้ไขไม่แล้วเสร็จ จะกลายเป็น NPL ทั้งหมด 60,000 ล้านบาท แต่ธนาคารก็สามารถดูแลลูกค้าและช่วยแก้ไขหนี้ได้ ทำให้เดือนม.ค.64 ธนาคารมีหนี้ที่ต้องติดตามเหลืออยู่ 16,000 ล้านบาท ซึ่งในรอบนี้ก็จะเข้ามาดูแลลูกค้าอีกครั้ง เพื่อไม่ให้หนี้ไหลไปเป็น NPL ซึ่งอาจจะทำให้ปี 2564 ออมสินมีกำไรน้อยลงแน่นอน เนื่องจากธนาคารมีเป้าหมายที่จะช่วยคน และทำให้แบงก์แข็งแกร่ง

สำหรับมาตรการนี้ จะเป็นการปรับแผนการชำระหนี้ให้ตามความสามารถในการจ่ายของลูกค้า โดยมีทั้งการพักชำระหนี้เงินต้น จ่ายเฉพาะดอกเบี้ยเต็มจำนวน ส่วนกรณีที่ธนาคารพิจารณาแล้วว่าลูกค้าจ่ายไม่ไหว ก็จะให้พักชำระเงินต้น และเลือกจ่ายดอกเบี้ยตามอัตราที่กำหนด โดยออมสินจะลดดอกเบี้ยให้ลูกค้าไปเลย ตั้งแต่ 25%  50% และ 75%  โดยไม่มีการบันทึกรายได้แล้วมาตามเก็บลูกค้าอีกครั้ง

ทั้งนี้จากการคัดกรองบัญชีลูกหนี้แล้ว ธนาคารเน้นรายที่เป็นลูกหนี้ในกลุ่มสินเชื่อเคหะ สินเชื่อไทรทอง สินเชื่อครูและบุคลากรทางการศึกษา สินเชื่อสวัสดิการ สินเชื่อธนาคารประชาชน และสินเชื่อธุรกิจ ซึ่งพบว่ามีลูกหนี้จำนวนหนึ่งเริ่มมีประวัติค้างจ่ายวันแรกเมื่อวันที่ 28 ก.พ.64 แต่ค้างไม่เกิน 90 วัน (ยังไม่เป็น NPLs) จึงเร่งช่วยเหลือจัดทำแผนการชำระหนี้สำหรับลูกหนี้กลุ่มนี้เท่านั้น

“ปีที่แล้วดอกเบี้ย 100 บาท เราให้จ่าย 60 บาท เรารับรู้ว่าเป็นรายได้ พอหมดงวดลูกค้าก็จะต้องกลับมาจ่าย ซึ่งเป็นมาตรการที่แบงก์รับรู้โดยทั่วไปตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แต่ปีนี้ต่างออกไป หากเป็นลูกค้าที่ธนาคารกำลังดูแลผ่านมาตรการปรับแผนชำระหนี้ ออมสินจะลดดอกเบี้ยให้กับลูกค้าฟรีเลย เป็นแบงก์เดียวที่ลดดอกเบี้ยให้ลูกค้า ซึ่งจะทำให้กำไรของแบงก์ในปีนี้ลดลงแน่นอน แต่ก็ถือเป็นการช่วยคน เช่น มีหนี้ 100 บาท แล้วลูกหนี้จ่าย 25 บาท ส่วนที่เหลือ 75 บาท ออมสินก็ตัดทิ้งไปเลย”  

ทั้งนี้ ลูกหนี้ในกลุ่มนี้จะเริ่มทยอยได้รับข้อมูลแผนการชำระหนี้ที่ธนาคารจัดทำขึ้นในแอปพลิเคชัน MyMo ของลูกหนี้แต่ละรายที่เข้าเกณฑ์ตามมาตรการ เป็นการอำนวยความสะดวกให้ลูกหนี้เลือกเข้ามาตรการได้ด้วยตนเองผ่านแอป MyMo โดยเมื่อเข้าแอปแล้วให้เลือกเมนูการชำระหนี้สำหรับปี 2564 ระบบจะแสดงการชำระหนี้ตามสัญญาเงินกู้เดิม และรายละเอียดแผนการชำระหนี้ตามมาตรการนี้ ลูกหนี้สามารถดำเนินการตามขั้นตอนจนเสร็จกระบวนการ โดยไม่ต้องเดินทางไปติดต่อธนาคาร แต่หากดำเนินการเองไม่สำเร็จ หรือไม่สะดวกใช้สมาร์ทโฟน สามารถติดต่อที่ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่บัดนี้ – 30 มิ.ย.64

นายวิทัย กล่าวว่า สิ้นปี 2562 ธนาคารมีการสำรองทั่วไป 4,000 ล้านบาท ในปี 2563 ธนาคารได้เพิ่มสำรองไปอีก 12,400 ล้านบาท จึงรวมเป็นมีการสำรองทั่วไปแล้ว 16,400 ล้านบาท ซึ่งเพื่อความมั่นคงระยะยาว ในทุกๆ ปี ธนาคารต้องลดกำไรในปี เพื่อหยอดกระปุกมาใส่ในส่วนนี้ โดยในปี 2563 ออมสินมีกำไรก่อนสำรองทุกส่วน 33,000 ล้านบาท หากเทียบกับปี 2562 ที่มีกำไร 34,000 ล้านบาท ซึ่งสัดส่วนต่างกันเล็กน้อย เนื่องจากในปีที่แล้วได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด โดยหลังจากที่ธนาคารได้ใส่สำรองทั่วไปแล้ว ทำให้กำไรสุทธิของธนาคาร จาก 24,000 ล้านบาท เหลืออยู่ที่ 18,000 ล้านบาท

ขณะที่แผนการดำเนินงานของออมสินในปี 2564 จะเน้นช่วยดูแลลูกค้า และทำให้แบงก์แข็งแรง โดยในช่วงครึ่งปีแรก ธนาคารจะเน้น 3 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.เรื่องที่เคยทำได้แล้ว คือการใส่สินเชื่อเข้าไปเหมือนเดิม โดยในช่วงเดือน ม.ค.64 ออมสินได้ใส่สินเชื่อเสริมพลังฐานราก กู้สูงสุด 50,000 บาท เข้าไปดูแลลูกค้าได้ 140,000 ราย ต่อมา 2.ในเดือนก.พ.64 ได้ใส่สินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยว ผ่านสินเชื่อมีที่มีเงิน อีก 10,000 ล้านบาท และ 3.จากนี้ไปจนถึงครึ่งปีแรก จะเข้าไปดูแลลูกค้ายั้งไม่ให้เป็น NPL และจะมีการสำรองหนี้เพิ่มในปีนี้ ประมาณ 10,000-20,000 ล้านบาท เพื่อความแข็งแรงของธนาคาร และสร้างความสมดุลในผลกำไรระยะสั้นและระยะยาว

นายวิทัย กล่าวว่า ในปี 2563 สินเชื่อปล่อยใหม่ ที่เป็นโครงการสินเชื่อพิเศษ ออมสินสามารถปล่อยได้กว่า 150,000 ล้านบาท ส่วนการดำเนินงานหลัก ปี 2564 จะไม่เน้นปล่อยสินเชื่อ แต่จะเป็นการเน้นช่วยลูกค้า เพื่อไม่ให้ไหลเป็น NPL และในช่วงเดือนเม.ย. จะลุยจำนำทะเบียน เพื่อต้องการผลลดดอกเบี้ยเชิงโครงสร้างของการจำนำทะเบียนรถ และระยะต่อไปตั้งแต่ มิ.ย. เป็นต้นไป จะทำเรื่องสร้างอาชีพ ซึ่งจะมีโครงการเข้ามาดูแล เพื่อเป็นการสร้างอาชีพให้กับแรงงานที่ออกจากระบบไปแล้ว กลับต่างจังหวัดแล้วไม่มีอาชีพก็จะเข้าไปดูแล แต่ในส่วนนี้ไม่ได้ใช้งบประมาณจำนวนมาก โดยในปี 2564 ลดงบประมาณจากปี 2563 ลงมา 20% เพื่อใช้ในการดำเนินงานต่างๆ ของออมสิน

“โครงการสร้างอาชีพที่เราจะทำ จะทำให้เห็นผลจริง ไม่ได้เป็นการประชาสัมพันธ์  ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมการ คาดว่าจะออกมาประมาณ 4 โครงการ   โดยแนวคิดของธนาคารออมสิน คือ เป็นธนาคารเพื่อสังคม ในหลักการก็คือการทำธุรกิจปกติ แต่มีกำไรที่เหมาะสม และจะมีการช่วยคนด้วยการเอากำไรบางส่วนเข้ามาดูแล และบางเรื่องไม่ชำเป็นต้องใช้กำไรเข้ามาช่วย แต่ก็สามารถช่วยเหลือประชาชนได้”