

- คิดดอกเบี้ย 5.99% ตลอด 3 ปี
- กู้ได้ไม่เกิน 50 ล้านบาท
- ไม่วิเคราะห์รายได้
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ปัจจุบันยังมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอี (SMEs) จำนวนมาก ที่ยังประสบปัญหาขาดสภาพคล่องหลายราย ที่หันไปพึ่งการกู้นอกระบบรูปแบบต่าง ๆ โดยเฉพาะวิธีการ “ขายฝากที่ดิน” ที่ให้วงเงินต่ำแต่เสียดอกเบี้ยสูงถึง 20-30% ต่อปี ซึ่งมีความเสี่ยงทำให้ผู้ที่ขายฝากที่ดินอาจสูญเสียที่ดินอย่างไม่เป็นธรรมได้
ดังนั้นธนาคารออมสินจึงได้ออกสินเชื่อใหม่ “สินเชื่อ SMEs มีที่ มีเงิน” วงเงิน 10,000 ล้านบาท เพื่อให้เอสเอ็มอีนำเงินไปเสริมสภาพคล่องให้กับกิจการ หรือนำไปไถ่ถอนจากสัญญาขายฝากที่ทำไว้ โดยจะต้องเป็นการขายฝากที่ดินตั้งแต่เดือนม.ค.-ต.ค.63 สำหรับบุคคลธรรมดากู้ได้สูงสุด 10 ล้านบาท และนิติบุคคลที่เป็นเอสเอ็มอีสามารถใช้โฉนดที่ดินมาเป็นหลักประกันการกู้เงิน วงเงินกู้สูงสุดถึง 50 ล้านบาท

ทั้งนี้ธนาคารจะพิจารณาให้กู้ได้สูงถึง 70% ของราคาประเมินที่ดินของกรมธนารักษ์ โดยจะไม่พิจารณาภาระผู้กู้ ไม่พิจารณาเครดิตบูโร และไม่วิเคราะห์รายได้ ดูแค่หลักทรัพย์ที่เป็นที่ดินเพียงเท่านั้น ซึ่งที่ดินจะต้องเป็นชื่อเดียวกับผู้กู้เองด้วย โดยธนาคารจะคิดอัตราดอกเบี้ย 5.99% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา และผู้กู้สามารถนำเงินต้นมาไถ่ถอนที่ดินคืนได้เมื่อพร้อมภายในระยะเวลา 3 ปี
ขณะที่ถ้าหากครบกำหนดระยะเวลาจ่ายเงิน 3 ปีแล้ว ลูกหนี้ยังไม่มีเงินมาจ่ายเงินต้นคืน ธนาคารจะเข้าไปช่วยปรับโครงสร้างหนี้หรือให้สินเชื่ออื่นเพื่อช่วยเหลือทดแทน ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถติดต่อขอรับบริการได้ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 30 มิ.ย.2564 หรือจนกว่าวงเงินจะหมด ผ่านทางเว็บไซต์และธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ
สำหรับวงเงิน 10,000 ล้านบาทนั้น คาดว่าในเบื้องต้นน่าจะเพียงพอสำหรับการช่วยเหลือและเสริมสภาพคล่องเอสเอ็มอีในช่วงที่ขาดรายได้เพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ โดยธนาคารคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมโครงการประมาณ 1,000 ราย
“ธนาคารจะไม่มีการหักดอกเบี้ยไว้ก่อน เพราะไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าลูกค้าจะคืนเงินต้นเมื่อไหร่ ดังนั้นจึงอยากให้ลูกค้าที่กู้เงินไปแล้วกันเงินที่ได้มาไว้จ่ายดอกเบี้ยในแต่ละงวดด้วย ส่วนถ้าหากวงเงินสินเชื่อมีผู้กู้ครบ 10,000 ล้านบาทแล้ว เตรียมจะเสนอคณะกรรมการ(บอร์ด)ธนาคารออมสิน ขยายวงเงินออกไป”
นอกจากนี้ธนาคารมีแผนช่วยกลุ่มฐานราก อาทิ โครงการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาหาผู้ร่วมทุนจำนวน 8 ราย อยู่ ซึ่งจะมีการคัดเลือกผู้ร่วมทุนให้เหลือเพียง 1 ราย ซึ่งกำลังเร่งสรุปภายใน 2 เดือน เพื่อเปิดรับจำนำทะเบียนรถในปีหน้า คิดดอกเบี้ย 18% ต่อปี
รวมทั้งโครงการสมุยโมเดล ที่จังหวัด สุราษฎร์ธานี ที่ธนาคารจะเปิดตัวในเดือนธ.ค.นี้ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อแก้ปัญหาการเงินแบบครบวงจร ทั้งการเพิ่มสภาพคล่อง การให้สินเชื่อ และการสร้างงาน ก่อนจะขยายผลไปในจังหวัดต่อๆ ไป