เมื่อ “อีลอน มัสก์” มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก ทวีตข้อความคล้ายยืนข้างแมงเม่า สร้างความคึกคักให้กับหุ้นทันที
การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้สร้างเศรษฐีใหม่เกิดขึ้นอย่างมากมาย ในทางกลับกันก็ได้สร้างยาจกใหม่เกิดขึ้นจากการขาดทุนมหาศาล
ลองมองย้อนกลับไปเพียงแค่ไม่ถึงกี่เดือนตั้งแต่ก่อนเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา ใครจะคิดว่าการลงทุนหุ้นตัวหนึ่งซึ่งดูเทรนด์ธุรกิจแล้ว ไม่น่าลงทุนเป็นอย่างยิ่งเพราะดูแล้วมองไม่เห็นอนาคต
แต่สามารถสร้างกำไรอย่างอัศจรรรย์เกือบ 200 เด้ง จากหุ้นราคาตกต่ำเหลือเพียงหุ้นละ 2.57 ดอลลาร์สหรัฐฯหรือราว 77 บาท ในปีที่ผ่านมา พุ่งขึ้นสูงสุดไปที่ 482.85 ดอลลาร์ หรือราว 14,485 บาท ณ วันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา
ลองนึกภาพง่ายๆ ลงทุนในหุ้นไป 6 แสนบาทเพียงแค่ 4 เดือนเศษ มูลค่าได้ถีบสูงไปถึงเกือบ 50 ล้านบาท เป็นเศรษฐีในพริบตาเดียว
นั่นก็คือหุ้นบริษัท GameStop (GME) บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์ค เป็นบริษัทสัญชาติอเมริกันดำเนินธุรกิจค้าปลีกวีดิโอเกมใหญ่ที่สุดโลก และจำหน่ายสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า มีสำนักงานใหญ่ที่รัฐเท็กซัส ข้อมูล ณ 1 กุมภาพันธ์ มีร้านค้าปลีกมากกว่า 5,509 สาขาในสหรัฐ, แคนาดา, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์และยุโรป
เมื่อมองดูธุรกิจค้าปลีกเกมแล้วในปัจจุบันโมเดลธุรกิจธุรกิจได้เปลี่ยนไปเข้าสู่โลกดิจิทัล เล่นเกมออนไลน์กันหมด ซึ่งที่ผ่านมาในปี 2013 GameStop เคยมีมูลค่าสูงถึงเกือบ 5,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 150,000 ล้านบาท
เมื่อมองธุรกิจอยู่ในขาลง ทำให้กองทุนเก็งกำไรเฮดจ์ฟันด์มองเห็นโอกาสการทำกำไร พากันเข้า “ชอร์ตเซล”
เช่นเข้ายืมหุ้นบริษัทนี้และขายออกไปทันทีในราคา 10 บาทเพราะมองว่าราคาจะตกลงในอนาคต หากราคาลดลงไปเหลือหุ้นละ 5 บาท เข้าไปซื้อหุ้นที่ยืมมาคืน เท่ากลับว่าได้กำไรถึงเท่าตัว
แต่ทว่าเหตุการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น แทนที่ราคาหุ้นจะปรับลดลงตามแนวโน้มธุรกิจกลับเป็นพุ่งสวนกระแส พุ่งกันแบบไฟแลบ
คำถามทีอยู่ว่าหุ้นที่ไม่มีอนาคตอย่าง GameStop ทำไมถึงวิ่งเป็นม้าได้ถึงขนาดนั้น
พูดง่ายๆ ว่าในยุคของโลกโซเชี่ยล มักจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นได้
เมื่อบรรดาแมงเก่า นักลงทุนในสหรัฐที่มักรวมตัวในชุมชนออนไลน์อย่าง Reddit มีสมาชิกในบอร์ดย่อยที่เรียกว่า WallStreetBets มีสมาชิกกว่า 3 ล้านคน ได้รวมพลัง เข้าซื้อหุ้น GameStop ยังผลให้ราคาหุ้นพุ่งเอาๆ เพื่อดัดหลังบรรดากองทุนเฮดจ์ฟันทั้งหลาย
เมื่อราคาเริ่มวิ่ง ยิ่งสร้างแรงจูงใจให้นักลงทุนแห่เข้ามาลงทุนกันมากขึ้น สร้างความคึกคักให้กับหุ้นตัวนี้เป็นอย่างยิ่ง ขณะที่บรรดากองทุนเฮดจืฟันมองว่าราคาพุ่งขึ้น รีบโดดเข้ามาซื้อหุ้น เพราะหากปล่อยราคาหุ้นเพิ่มขึ้นๆ มากเท่าไรจะยิ่
งขาดทุนหนักมหาศาลขึ้นเรื่อยๆ
จากความอัศจรรย์ของราคาหุ้นดังกล่าว ได้เพิ่มมูลค่าหุ้นขึ้นมหาศาลจาก 2,000 ล้านดอลลาร์ พุ่งไปถึง 24,000 ล้านดอลลาร์ และไม่กี่วันที่ผ่านมาหุ้นบริษัทที่ดูไม่มีอนาคตอย่าง GameStop มีมูลค่าซื้อขายสูงสุดในตลาด ขึ้นแซงหน้าบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง Apple และ Tesla อีกด้วย
มีรายงานด้วยว่าบรรดาเฮดจ์ฟันด์หลายรายประสบภาวะขาดทุนอย่างหนัก เช่นอย่าง Melvin Capital และ Citron Research ที่บอกว่า GameStop จะไปไม่รอดขาดทุนเป็นพันล้านดอลลาร์
บริษัท S3 Partners ผู้ให้บริการข้อมูลทางการเงินระบุว่า นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน บรรดานักลงทุนที่ทำชอร์ตเซลหุ้น GameStop ขาดทุนรวมกันแล้วกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์
ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ราคาหุ้น GameStop พุ่งพรวดก็คือ “อีลอน มัสก์” ผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร “เทสล่า” ปัจจุบันเข้าได้ก้าวมาเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก เนื่องจากหุ้นเทสล่าเติบโตสูงมาก ได้ทำการ “ทวีต” ถึงหุ้นนี้ จนแมงเม่านำมาแชร์กัน จนไม่กี่ชั่วโมงราคาหุ้นพุ่งขึ้นมากกว่า 50% เลยทีเดียว และเขายังได้เหน็บกองทุนเฮดจ์ฟันอีกด้วย
แต่เมื่อมองเข้าไปในโลกของการทำธุรกิจจริงๆ มีการคาดกาณ์ว่าในที่สุดหุ้นของ GameStop จะต้องปรับตัวลงตามผลประกอบการธุรกิจซึ่งอยู่ในช่วงขาลงหนักๆ
ทำให้การลงทุนในหุ้นของบริษัทนี้สุดสวิงยิ่งกว่าการเล่นรถไฟเหาะตีลังกา ณ วันที่ 28 มกราคม เพียงวันเดียวราคาหุ้นขึ้นไปสูงสุดที่ 482.85 ดอลลาร์ และรูดไหลต่ำสุด 112.25 มาปิดตลาดที่ 193.06 ดอลลาร์ ลดลงถึงหุ้นละ 153.91 ดอลลาร์
ภาวะหุ้นของ GameStop ในระยะนี้ยังคงผันผวนขึ้นๆ ลงหนัก ขณะที่ทางตลาดหุ้นต้องออกมาจับตาความเคลื่อนไหว ในวงการพูดคุยในโซเชียล และจะหยุดการซื้อขายหุ้นหากพบความสอดคล้องสนการพูดคุยในโชเชียลแห่งนั้น
และเรียกร้องให้มีหน่วยงานรัฐเข้ามาแทรกแซงเพื่อหยุดการปั่นหุ้น
ดูแล้วราคาสุดสวิงคล้ายกับหุ้น เดลต้า อีเล็คโทรนิคส์ในบ้านเรา ที่หุ้นเคยอยู่ที่ 27 บาทในปีที่แล้ว พุ่งสูงสุด 800 กว่าบาท จนทางการต้องงัดมาตรการมาดูแลเพื่อลดความผันผวน
