“อนุทิน-ศักดิ์สยาม-มนัญญา-ทรงศักดิ์” ลุยต่อ บึงกาฬ เปิดโครงการนำยางพารามาต่อยอด



  • ใช้ปรับปรุงเพิ่มความปลอดภัยทางถนน
  • คิกออฟ ใน 3 จังหวัดภาคอีสาน
  • พร้อมชมการสาธิตนำยางก้อนถ้วยมาพัฒนา
  • ผลิตแผ่นยางธรรมชาติครอบกำแพงคอนกรีต และหลักนำทางยางธรรมชาติ
  • ดันราคายางขึ้นอย่างต่อเนื่อง 61 บาทต่อกก.

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังเปิดโครงการ Kick-Off (คิกออฟ) โครงการนำยางพารา มาใช้เพื่อปรับปรุงอุปกรณ์เพิ่มความปลอดภัยทางถนนทั้ง “แผ่นยาง ธรรมชาติครอบกำแพงคอนกรีต-เสาหลักนำทางยางพาราธรรมชาติ”ที่จังหวัด บึงกาฬ จากที่ก่อนหน้านี้ได้เปิดที่ จ.นครพนม และต่อด้วย จ. เลย ว่า สาเหตุที่ต้องมานำร่องที่นี่เนื่องจากว่าทางภาคอีสาน โดยเฉพาะ บึงกาฬ มีพื้นที่ปลูกยางกว่า 1ล้านไร่/ปี รองลงมา จ. เลย,จ.นครพนม ดังนั้นจึงมีนโยบายที่จะรองรับผลิตของชาวสวนยาง ซึ่งจากที่มีการเปิดโครงการมาจาก จ. จ้นทบุรี และ สตูล พบว่าราคาน้ำยางดิบได้ปรับเพิ่มสูงขึ้นกว่า 30% จากราคา 43 บาท/กิโลกรัม (กก.) เพิ่มเป็น 61.30 บาท/กก. ณ. วันนี้ ส่วนชาวสวนยางทางภาคอีสานนั้นส่วนมากจะผลิตยางก้อนถ้วย ซึ่งราคาขณะนี้จะอยู่ที่ 43 บาท/กก. โดยมีการปรับราคามาจากราคาก่อนหน้านี้ที่ กก.ละ 20 บาท อย่างไรก็ตามทางภาครัฐจะพยายามผลักดัน ให้กลุ่มสหกรณ์ในพื้นที่เป็นคนรับซื้อให้ราคาไม่ต่ำกว่า 28-30 บาท/กก.

“จะเห็นได้ว่า ก่อนหน้านี้ในปี 62 มีปริมาณการใช้น้ำอย่างพาราสดในโครงการของรัฐมากกว่า 129,000 ตัน แต่เมื่อมีโครงการนำร่องการนำยางพารามาผลิตใช้อุปกรณ์ความปลอดภัยบนท้องถนนใน3เดือนนี้พบว่า มีปริมาณการใช้ยางกว่า 50,000 ตัน ซึ่งเป็นปริมาณการใช้ยางเท่ากับในปี 61 ส่วนราคายางก้อนถ้วยนั้นหากชาวสวนยางผลิตออกมาขายได้ที่ราคากก.ละ 21 บาท ถือว่าขาดทุน หากขายได้ 25 บาท/กก. ถือว่าอยู่ได้ แต่ในความจริงขณะนี้ราคา ยางก้อนถ้วยอยู่ที่ 43 บาท/กก.”

นายศักดิ์สยาม กล่าวย้ำว่า แผ่นยางธรรมชาติครอบกำแพงคอนกรีต” และ “หลักนำทางยางธรรมชาติ” สามารถที่จะช่วยลดแรงปะทะที่เกิดจากการชน ลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนท้องถนน ประกอบกับมีสัดส่วนการใช้น้ำยางพารา เป็นส่วนผสมจำนวนมาก ซึ่งเป็นการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางพารา สร้างรายได้โดยตรงให้แก่เกษตรกรชาวสวนยางพาราไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท