

- หลังครม.อนุมัติงบแก้วิกฤติโควิดแล้ววานนี้
- ย้ำซื้อหาอุปกรณ์ในประเทศเป็นหลัก เพื่อสร้างการหมุนเวียนเงินในประเทศ
- ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ย้ำงบนี้ต้องเปิดเผย โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ได้โพสต์ข้อความลงในกลุ่มไลน์ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ที่มีผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข ผู้อำนวยการโรงพยาบาล สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขนิเทศก์ ทั้ง 12 เขตทั่วประเทศ เกี่ยวกับการนำเสนอโครงการตามงบประมาณเงินกู้ตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้รับจัดสรรมา เพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อแก้ปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 วงเงินจำนวน 45,000 ล้านบาทโดยมีเนื้อหาว่า เรียนพี่น้องผู้บริหารสธ.ทุกท่านครับ กระทรวงสาธารณสุขของเราจะต้องนำเสนอ งบประมาณในวงเงิน45,000 ล้านบาท เพื่อรับมือสถานการณ์โควิด-19 จากนี้ไป งบประมาณนี้ได้รับการจัดสรรมาตามมติครม. ที่อนุมัติในที่ประชุมเมื่อวานนี้ (21 เม.ย.)
“เราควรต้องจัดการใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งกระทรวงต้องการให้ผู้บริหารทุกท่าน มีส่วนร่วมและนำเสนอข้อแนะนำดีๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและความก้าวหน้าของกระทรวงสาธารณสุข ผมอยากเน้นให้ทุกท่านได้ใช้หลักการพิจารณาโดยคำนึงถึงสภาพเศรษฐกิจที่เสียหายไป และการช่วยสร้างรายได้ให้ประชาชนในช่วงนี้ หากงบประมาณนี้จะได้ถูกหมุนเวียนใช้เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเงินภายในประเทศได้มากที่สุด ก็จะเป็นประโยชน์ในการช่วยเหลือประชาชน ในขณะเดียวกันด้วย พยายามใช้ของที่ต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศให้น้อยที่สุด อุดหนุนกิจการของคนไทยให้มากที่สุด กระทรวงสาธารณสุขจะเป็นที่ศรัทธาและเชื่อมั่นของประชาชนอย่างล้นหลาม เราดูแลประชาชนในทุกมิติ ไม่ใช่แค่เรื่องการสาธารณสุขเท่านั้น เยียวยาทุกอาการ ผมในฐานะรัฐมนตรีที่รับผิดชอบกระทรวงนี้จึงขอให้ทุกท่านได้ร่วมกันคิดให้ละเอียดและนำเสนอมาตามสายงานบังคับบัญชา เพื่อนำไปปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุดหากเป็นไปได้ จะขอเชิญประชุมร่วมภายในปลายสัปดาห์หน้าครับ เพื่อที่ท่านทั้งหลายจะได้มีเวลาเตรียมตัวให้ดีที่สุดขอให้ทุกท่านเริ่มดำเนินการทันทีนะครับ ขอบพระคุณมากครับ” นายอนุทิน โพสต์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแผนงานตามที่ครม.อนุมัติดังกล่าว กำหนดไว้ ประกอบไปด้วย 1.แผนงานหรือโครงการที่รองรับค่าใช้จ่าย ค่าเยียวยา ค่าชดเชย และค่าเสี่ยงภัย สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข รวมถึงผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนค่าใช้จ่ายในการจัดหาผู้นำชาญการทั้งในประเทศและต่างประเทศ 2.เพื่อจัดซื้อจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์และสาธารณสุข ยารักษาโรค วัคซีนป้องกันโรค และห้องปฏิบัติการทางการแพทย์
3.แผนงานหรือโครงการเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่อการบำบัดรักษา ป้องกัน ควบคุมโรค รวมทั้งการวิจัยพัฒนาทางการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อการฟื้นฟูด้านการสาธารณสุขของประเทศ 4.แผนงานหรือโครงการเพื่อการเตรียมความพร้อมด้านสถานพยาบาล และค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล และค่าใช้จ่ายในการกักตัวผู้มีความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และ 5.แผนงานหรือโครงการด้านสาธารณสุขเพื่อรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน อันเนื่องจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019