“อนุทิน” ลั่นพร้อมลุยพัฒนาโรงพยาบาล รับนโยบาย 30 บาท รักษาทุกที่



  • เผยยึดหลัก “เท่าเทียม มีประสิทธิภาพ ไม่เลือกปฏิบัติ”
  • พร้อมดูแลสุขภาพคนไทย ให้ประชาชนได้รับการบริการที่ดี
  • ลั่นไม่ทอดทิ้งกลุ่มคนเปราะบางชายขอบ ในการเข้าถึงการพยาบาล

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณะสุข กล่าวในการประชุมชี้แจงหลักเกณฑ์การทำงานและการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2564 ว่า ประเทศไทยมีระบบหลักประกันสุขภาพมากว่า 18 ปีแล้ว ซึ่งเป็นระบบที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก เห็นผลมากที่สุด โดยช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 พื้นฐานการบริการสุขภาพที่ทำมาโดยตลอดทำให้ไทยมีอัตราการป่วย การเสียชีวิต ที่ต่ำมาก 

ทั้งนี้ในหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า อยู่บนพื้นฐาน 3 ประการ คือ ความเท่าเทียม เข้าถึงบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่เลือกปฏิบัติ ที่ผ่านมา คิดอยู่ตลอดว่าจะทำอย่างไรให้ระบบบริการครอบคลุมถ้วนหน้า โดยวันข้างหน้าจะต้องให้บริการได้เพิ่มมากขึ้น เพื่อลดภาระให้พี่น้องประชาชน และภาระด้านการคลังที่เกี่ยวกับระบบสาธารณะสุขของประเทศด้วยการทำให้ประชาชนตระหนักถึงการรักษาสุขภาพ เพื่อไม่เป็นภาระ จะเห็นได้จากมาตรการป้องกันโควิด-19 ที่ได้ผลในทางปฏิบัติ เมื่อประชาชนแข็งแรง ก็ถือเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประเทศชาติ

นายอนุทิน กล่าวว่า ทางรัฐบาลได้มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพ สปสช.ด้วยการเพิ่มงบประมาณ ราว 12%ในการสร้างความรู้ความเข้าใจให้ประชาชน สร้างการดูแลในระดับพื้นถิ่น เพื่อให้ได้รับความสะดวก จากการให้บริการภาครัฐ โดยกระทรวงสาธารณะสุขจะพยายาม ปรับปรุงพัฒนา เพิ่มประสิทธิภาพ อำนวยความสะดวกให้ประชาชนร่วมกับสปสช.อย่างใกล้ชิด 

“ในฐานะประธาน สปสช.โดยตำแหน่ง ยอมรับว่า เมื่อมีปัญหาระหว่างกระทรวงสาธารณะสุข กับ กองทุน ต้องทำให้ทั้งสองฝ่าย หันมาจับมือกัน  เพื่อทำงานร่วมกันต่อไปให้ได้ ดังนั้นทุกคนในกระทรวงสาธารณสุขจึงต้องร่วมมือกันในการอำนวยความสะดวกและดูแลประชาชน ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากเกินไป หากเรามีจุดมุ่งหมายเดียวกัน โดยรัฐบาลมีความมุ่งหมายจะพัฒนา หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้ดียิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะกับกลุ่มคนเปราะบางชายขอบ ที่ต้องได้รับความช่วยเหลือให้มีความมั่นใจในการมีชีวิตอยู่ต่อไป” นายอนุทิน กล่าว 

ทั้งนี้ ประเทศไทยต้องก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุตามแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี ได้อย่างเต็มภาคภูมิ  ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณะสุขมักอยู่ในกำกับของพรรคแกนนำรัฐบาล แต่ปัจจุบันมีอิสระในการทำงาน เพราะมาจากพรรคร่วมรัฐบาลมีความเข้าอกเข้าใจกับหัวหน้ารัฐบาล จึงต้องทำงานให้สมกับความไว้วางใจ 

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของ สปสช. คือ การพัฒนาการให้บริการของโรงพยาบาล ที่ต้องมีเครื่องมือที่ทันสมัย โรงพยาบาลทุกโรงพยาบาล ต้องมีประสิทธิภาพ ไม่แตกต่างกันมาก รองรับนโยบาย 30 บาท รักษาทุกที่ เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่ดี เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาในการปฏิบัติ