

“อนุทิน” นำทัพคมนาคมบินตรงสิงคโปร์ร่วมประชุมสุดยอดการบินชางฮี หนุนอุตสาหกรรมการบินในภูมิภาคอาเซียนโตหลังโควิดซบ! เน้นย้ำต้อปลอดภัยต่อสุขภาพเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดด้านการบินชางงี 65 พร้อมด้วย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม และร่วมอภิปรายในหัวข้อ “Clearer and Greener Skies Ahead” ว่า การประชุมดังกล่าวได้มีการหารือร่วมกับผู้แทนระดับสูงจากประเทศสมาชิกอาเซียน และผู้บริหารองค์กรระหว่างประเทศด้านการบิน เพื่อหารือในประเด็นสำคัญด้านการบิน อาทิ การฟื้นฟูภาคการบินภายหลังการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 และการพัฒนาภาคการบินที่ยั่งยืนและเป็นมิตรสิ่งแวดล้อม โดยสอดคล้องกับมาตรฐานด้านการบินระหว่างประเทศขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization – ICAO)

นอกจากนั้นตนยังได้แสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการดำเนินการของประเทศไทยในประเด็นที่ประชาคมโลกให้ความสนใจ อาทิ การดำเนินมาตรการเพื่อรับมือกับความท้าทายด้านการเปลี่ยนสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งการสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทนสำหรับภาคการบิน และ ความตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นประเด็นที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญ
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ประเทศไทยยังได้ร่วมกับรัฐมนตรีขนส่งของอาเซียนแสดงการสนับสนุนและผลักดันให้กระทรวงคมนาคมในกลุ่มประเทศอาเซียนร่วมจัดทำมาตรฐานในการตรวจสอบเอกสารการเดินทางโดยเฉพาะใบรับรองการวัคซีนเพื่อเดินทางระหว่างประเทศในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนให้เป็นมาตรฐานเดียวกันเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการช่วยฟื้นฟูภาคการบินจากการแพร่ระบาดโรค COVID-19 ในภูมิภาคอาเซียนให้เข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป
ด้านนายเอส อิสวารัน รมว.คมนาคม ประเทศสิงคโปร์ ได้กล่าวในการประชุมว่า การที่จะฟื้นฟูภาคการบินจะประกอบด้วย 3 ประเด็นหลัก คือ 1.การพัฒนาศักยภาพในการรองรับความต้องการในการขนส่งทางอากาศและการฟื้นฟูภาคการบินให้คืนสู่สถานการณ์ก่อนการแพร่ระบาดของโรค รวมทั้งจะต้องมีการการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดเช่นเดียวกันนี้อีกในอนาคต 2.การพัฒนาประสิทธิภาพของภาคการบิน จะต้องมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการขนส่งทางอากาศ และ 3.ต้องมีการเตรียมการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยร่วมดำเนินการตามแผนการชดเชยและลดก๊าซเรือนกระจกในภาคการบิน (CORSIA)ซึ่งทางสิงคโปร์ได้จัดทำแผนแม่บทสำหรับหน่วยงานจากภาคส่วนต่าง ๆ ใช้ดำเนินการร่วมกันในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ส่วนนายแซลวาทอร์ ไซแอคชิตาโน ประธานองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ(ICAO) เน้นย้ำว่า การฟื้นฟูอุตสาหกรรมการบินภายหลังการแพร่ระบาดโควิดนั้น ทุกส่วนจะต้องสร้างความยืดหยุ่นและความยั่งยืนในภาคการบิน และรองรับความต้องการของการขนส่งทางอากาศ โดยสนับสนุนให้ประเทศสมาชิกนำข้อเสนอแนะของ ICAO มาปรับใช้ อีกทั้งเน้นย้ำการดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี 93 โดยการสร้างความยืดหยุ่นและนวัตกรรมใหม่ด้านการบินจะเป็นประเด็นหารือที่สำคัญในการประชุมสมัชชาสมัยสามัญ ครั้งที่ 41 ของ ICAO ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในปี65นี้
