นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข กล่าวภายหลังประชุมคณะผู้บริหาร ถึงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ว่า ขณะนี้พบยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นหลังเทศกาลปีใหม่ เป็นสิ่งที่อยู่ในการประเมิน ซึ่งเรามีแผนจัดการในหลายระดับของความรุนแรงของการระบาด เราได้ปรับมาตรการทุกด้าน เช่น มาตรการการคัดกรองการควบคุมโรค การแยกกักตัว
ทั้งนี้จำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้น ก็ต้องสังเกต และวิเคราะห์ในรายละเอียด ว่า จากยอดผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้น ในนั้น อาการเป็นอย่างไรบ้าง มีอาการหนักเท่าไร ต้องใช้ห้องไอซียูเท่าไร ซึ่งก็หวังว่าจะไม่เพิ่มขึ้นมากนัก เพราะได้ฉีดวัคซีนแล้วการระบาดระลอกนี้ ต้องขอเวลาประมาณ 7-10 วัน เพื่อดูรายละเอียดที่ชัดเจน อาทิ วันนี้ ป่วยไป 5.7 พันร้าย แต่ความสูญเสียไม่ถึง 20 ราย ในอนาคต อัตราาส่วนจะยังคงที่หรือเพิ่มขึ้น เราอยู่กับข้อมูล และปรับแผนต่อเนื่องให้ทันกับสถานการณ์ของโรค
สำหรับการรักษา ขอให้เป็นดุลย์พินิจของแพทย์ ถ้าอาการไม่รุนแรง แล้วแพทย์ ให้กักตัวที่บ้าน ก็ต้องเข้าใจว่า เพราะเราต้องเตรียมอุปกรณ์ และทรัพยากรอื่น ไว้รักษาผู้ที่มีอาการปานกลาง ไปจนถึงหนัก เพื่อจำกัดยอดความสูญเสียให้ได้มากที่สุด ส่วนเรื่องมาตรการ ขอย้ำว่า เราคำนึงถึงในทุก มิติ
อย่างไรก็ตามทางกรมควบคุมโรค จะยกระดับบางพื้นที่ให้ขึ้นเป็นสีส้ม ซึ่งจะมีการจำกัดการบริโภคของมึนเมานอกจากนั้น ก็ยังมีเรื่อง Test And Go ที่ผู้ลงทะเบียนไว้ ต้องกลับมาในเวลาที่กำหนด และต้องปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด เรากำลังจัดการปัญหาเรื่องนี้อยู่ ล่าสุด ได้เสนอให้เลื่อนเดดไลน์การเข้าประเทศไทย จากวันที่ 10 มกราคม ไปเป็นวันที่ 15 มกราคมแทน
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน เรากำลังเจอปัญหาเรื่องการประกันที่นักเดินทางซื้อเข้ามา แม้จะบอกว่ามีเงินคุ้มครอง5 หมื่นเหรียญยูเอส แต่ในการปฏิบัติจริง ในประกันกลับมีเงื่อนไขมากมาย ที่ไม่สามารถทำได้จริง แต่หากพบว่าติดเชื้อ ทางภาครัฐ ก็รับรักษา ตามหลักมนุษยธรรมแน่นอน ณ จุดนี้ ต้องคัดกรองนักท่องเที่ยว เราต้องเลือกนักท่องเที่ยวคุณภาพ เพื่อความปลอดภัยของประเทศ
“กระทรวงสาธารณสุข เราพร้อมทำงานเพื่อสุขภาพของประชาชน อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอของ สธ. ก็ขอให้ได้รับการพิจารณา การที่เราเสนอไปในหลายๆเรื่อง ไม่ใช่ว่าเราขี้เกียจ หรือไม่อยากทำงาน แต่เราเป็นห่วงคนไทย เป็นห่วงสุขภาพของท่าน” นายอนุทิน กล่าว
