

- ย้ายผู้เกี่ยวข้องแล้ว 6 รายรวด
- หากเจ้าหน้าที่ผิดจริงจะดำเนินการลงโทษ
วันที่ 17 มิ.ย.2564 จากกรณีข่าวดราม่าบนสื่อออนไลน์ โดยมีแม่ค้าขายน้ำส้มถูกกลุ่มบุคคลอ้างตัว เป็นเจ้าหน้าที่จากกรมสรรพสามิตสั่งซื้อน้ำส้ม 500 ขวด พร้อมถามหาใบอนุญาตและแจ้งค่าปรับ 12,000 บาท จนทำให้เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมในโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก
ล่าสุด นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้มีคำสั่งย้ายเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องรวมทั้งหมด 6 รายออกจากพื้นที่มาปฏิบัติหน้าที่สำนักสรรพสามิตภาคที่ 10 เนื่องจากเกรงว่าจะไปยุ่งเกี่ยวทางคดี และได้ตั้งกรรมการขึ้นมาสอบข้อเท็จจริงด้วย คาดว่าภายใน 2สัปดาห์จะรู้ผล โดยจะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่ายเพื่อเป็นบรรทัดฐานให้กับสังคม และหลังจากนี้ก็จะตรวจสอบว่ามีการล่อซื้อมีการรับผลประโยชน์จริงหรือไม่ หากพบว่าเจ้าหน้าที่ผิดจริงจะดำเนินการขั้นเด็ดขาด
“ระหว่างสอบเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย และรู้สึกว่าไม่ยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน จึงขอให้ผู้เกี่ยวข้องออกจากพื้นที่รับผิดชอบไปก่อน ซึ่งกรมฯจะพยายามเร่งสอบข้อเท็จจริงให้เสร็จโดยเร็ว เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยาก และทำความจริงให้ปรากฏ ได้โดยใช้เวลาไม่นาน เพราะข้อเท็จจริงไม่เยอะ คนเกี่ยวข้องไม่เยอะภายใน 2 สัปดาห์จะรู้เรื่อง รวมถึงดูอีก 2-3 ประเด็นด้วยว่ามีการล่อซื้อไหม สมควรทำไหม และเรียกรับผลประโยชน์จริงหรือเปล่า จึงขอให้ความมั่นใจว่า หากเจ้าหน้าที่ผิดจริง กรมฯจะดำเนินการอย่างแน่นอน”
ด้านนายณัฐกร อุเทนสุต ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางสรรพสามิต ในฐานะโฆษกกรมสรรพสามิต ชี้แจงเพิ่มว่า กรณีโรงงานหรือผู้ผลิตน้ำส้ม ที่เข้าข่ายจะต้องขอใบอนุญาตและเสียภาษีสรรพสามิตนั้น หมายถึง ผู้ที่รับจ้างผลิต หรือผลิตเพื่อขายส่ง หรือให้ร้านค้าปลีกนำไปขายต่อ รวมถึงกรณีรับสั่งทำออเดอร์ครั้งละจำนวนมากหลายร้อยขวด ส่วนกรณีที่ผลิตน้ำส้มเพื่อบริโภคเอง หรือผลิตเพื่อขายปลีกเองในร้านค้า หรือขายให้แก่ประชาชนโดยตรง ไม่เข้าข่ายต้องขออนุญาตหรือเสียภาษีสรรพสามิต