- เปิดแผนธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ SME หรูแบรนด์ “องค์อร” หลังโควิด-19
- รุกเจาะ “ตลาดในประเทศ” สนามบินนานาชาติในไทย
- โชว์ศักยภาพฝีมือคนไทย 100% สู่สายตาชาวโลก เล็งขยายฐานสู่ทำเนียบผู้นำกัมพูชา
- ชู 3 จุดขาย “เฟอร์นิเจอร์ไม้สักปลูกเอง-งานแฮนด์เมด-โดนใจตลาดหรูหรา”
- พร้อมลุยพัฒนา “ศูนย์เรียนรู้” แหล่งปลูกไม้สัก อ.เมือง จ.เชียงราย
- ได้ยักษ์ใหญ่ “โตโยต้า” ร่วมถ่ายทอดโนว์ฮาวน์ลงทุน “โมเดลโรงงานรักษ์โลก” ดึงชุมชนมีส่วนร่วมทำกิจกรรมอย่างยั่งยืน
นางสาวชวณัฐ ตันวัชรพันธ์ และนาย กวิน โตวงศรีเจริญ ประธานกรรมการผู้บริหารระดับสูง สองทายาทธุรกิจ บริษัทองค์อร จำกัด เปิดเผยว่า ได้รับไม้ต่อธุรกิจจากครอบครัวมาเป็นรุ่นที่ 3 เดินหน้าปรับโฉมธุรกิจหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง ด้วยการผลิต ออกแบบและจำหน่าย เฟอร์นิเจอร์ เครื่องเรือนและเครื่องตกแต่ง ระดับพรีเมี่ยม ทั้งชุดรับแขก เครื่องนอน โต๊ะรับประทานอาหาร โต๊ะเก้าอี้ทำงานสำหรับผู้บริหาร เน้นชิ้นงานสไตล์คลาสสิกด้วยสีเรียบสวยดูดี ทองอ่อน เงิน น้ำตาล แปลกตาแตกต่างจากเฟอร์นิเจอร์หลุยส์ ทำให้เกิดความหรูหราในสถานที่นำไปวางหรือติดตั้งทุกแห่ง
รวมทั้งได้จัดทำแบบมาตรฐานไว้ให้เลือกได้ถึง 300 แบบ พุ่งเป้า เจาะตลาดในประเทศ กลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐ เอกชน สนามบินนานาชาติของไทย ปี 2565 ได้เข้าไปร่วมเสนอผลงานเฟอร์นิเจอร์ติดตั้งในห้องรับรองสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิด้วย เนื่องจากมีประสบการณ์ทำสินค้าหรูหราลักชัวรี่ซึ่งมีกระแสตอบรับดีกว่าสินค้าทั่วไป โดยมีความตั้งใจจะให้สนามบินซึ่งเป็นประตูของประเทศได้นำเสนอสินค้าของคนไทยคุณภาพดีต่อผู้ใช้ระดับนานาชาติด้วย
ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป ได้วางเป้าหมายขับเคลื่อนธุรกิจในอนาคต 4 ส่วน ประกอบด้วย 1.กำลังเตรียมรุกเจาะเข้าไปยังตลาดประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ ทำเนียบของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และตามสถานที่สำคัญต่าง ๆ เนื่องจากเป็นประเทศที่แทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก 2.ปรับโทนสีสร้างคอลเลคชั่นขานรับกับเทรนด์ลักชัวรี่คลาสสิก ตั้งแต่ปลายปี 2565 เป็นต้นไป 3.เสริมใส่นวัตกรรมที่ได้รับการถ่ายทอดจากโตโยต้าทำให้สายการผลิตเร็วขึ้น ลดการสูญเสียวัสดุที่กลายเป็นขยะของโลกลงไปได้ถึง 60 % เช่นการจัดทำสีเฟอร์นิเจอร์ 4.ขยายการรับรู้แบรนด์องค์อรให้เป็นที่รู้จักในเมืองไทยอย่างกว้างขวางมากขึ้น ด้วยคุณภาพธุรกิจคนไทย
ตั้งเป้ายอดรายได้หมุนเวียนตามขนาดของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ประมาณ 50-60 ล้านบาท โดยเน้นการลงทุนสายการผลิตการทำแบบแฮนด์เมด จ้างช่างเฟอร์นิเจอร์คนไทยผลิตแต่ละชิ้นงานอย่างประณีต เป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ ให้เกิดความภูมิใจในฝีมือคนไทย 100 % เรื่องการทำสินค้าคุณภาพให้ลูกค้าได้ใช้บริการอย่างยั่งยืน
ส่วนจุดแข็งของแบรนด์องค์อรมีความโดดเด่นแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่น ๆ 3 ไฮไลต์ ได้แก่
ไฮไลต์แรก เฟอร์นิเจอร์ทุกชนิดผลิตจากไม้สักซึ่งปลูกป่าเองดูแลอนุรักษ์สีเขียวคืนธรรมชาติให้โลกควบคู่กันไปด้วยกระจายใน 2 พื้นที่ คือ บริเวณอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดเชียงราย อายุไม้สักระยะ 30-80 ปี ซึ่งริเริ่มบุกเบิกโดยคุณย่าองค์อร นักเรียนมัณฑณศิลป์ คนแรกของมหาวิทยาลัยศิลปากร ที่อาจารย์ ศิลปพีระศรี ผู้มีชื่อเสียงได้รับการยกย่องเป็นปูชนียบุคคลของประเทศไทยได้รับการขนานนามว่าเป็นบิดาแห่งศิลปะร่วมสมัยของไทยชวนคุณย่าองค์อรเข้าไปเรียนคณะดังกล่าว เมื่อจบการศึกษาก็มาพัฒนาการออกแบบดีไซน์ ส่งไม้ต่อมาให้คุณพ่อต่อมาจนถึงรุ่นลูกยุคปัจจุบัน
ไฮไลต์ที่สอง เป็นงานทำด้วยมือหรือแฮนด์เมดทุกชิ้น ดีไซน์ได้ตามความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม แต่ละบ้านแต่ละสถานที่ ซึ่งมีรสนิยม แตกต่างกันไป
ไฮไลต์ที่สาม เน้นเจาะตลาดระดับบน เริ่มต้นจากกลุ่มเจ้าของโครงการอสังหาบ้านหรู ต่อเนื่องมาจนถึงโรงพยาบาลสนามบินนานาชาติ และส่งออกต่างประเทศ กระจายไปเป็นชุดรับรองแขกวี.ไอ.พี.ในเยอรมัน เบลเยี่ยม
นางสาวชวณัฐ กล่าวว่า การวางกลยุทธ์ทำการตลาดได้บุกเบิกขายผ่านออนไลน์มาตั้งแต่เมื่อ 10 ปีก่อนจนถึงปัจจุบันยุคนั้นการขายสินค้าออนไลน์ยังไม่ได้นิยมมากมายเหมือนปัจจุบัน แต่กลับตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าระดับบนบางรายไม่เคยเข้ามาดูสินค้าหน้าร้านแต่มีความเชื่อมั่นจึงโอนเงินสั่งซื้อครั้งละหลายล้านบาท ซึ่งทางบริษัทได้จัดทำฐานข้อมูลแบบครบวงจรใส่ไว้ในเว็บไซต์ โรงงาน ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ หน้าร้าน ลูกค้าประมาณ 80% ชื่นชอบดีไซน์การออกแบบ ตัดเย็บอย่างประณีต
ประการสำคัญได้เน้นการทำธุรกิจมุ่งเน้น “คืนประโยชน์ต่อสังคม” ในแต่ละขั้นตอนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำปลายน้ำ จะดูแลธรรมชาติ ลดการปล่อยของเสียที่ทำให้เกิดมลภาวะ ทางบริษัท องค์อรมีประสบการณ์ได้รับการคัดเลือกจากผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่แบรนด์ “โตโยต้า” นำโนว์ฮาวน์ทางเทคโนโลยีการจัดทำระบบโรงงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทั้งหมดให้เป็นอย่างดี
ขณะเดียวกันทางบริษัท องค์อร จำกัด ยังได้นำโรงงานที่ได้รับการถ่ายทอดโนว์ฮาวน์ทางเทคโนโลยีจากโตโยต้าเปิดเป็น “ศูนย์เรียนรู้” โมเดลโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อการพัฒนาชุมชน เน้นการทำกิจกรรมการมีร่วมกันระหว่างภาคธุรกิจกับท้องถิ่น ในพื้นที่ภาคเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เปิดให้คนแลกเปลี่ยนเรียนรู้แล้วไปประยุกต์ใช้ต่อไป
นางสาวชวณัฐกล่าวว่า ตอนนี้ตลาดเฟอร์นิเจอร์ระดับพรีเมี่ยมก็มีคู่แข่งจากกลุ่มบริษัทนำเข้าสินค้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้ามาจำหน่าย จะต่างกันตรงคุณภาพ กับอาจจะทำราคาได้ถูกกว่าเพื่อจูงใจลูกค้า แต่ความทนทานอายุการใช้งานกับบริการหลังการขายดูแลรักษาซ่อมแซมก็จะต่างกันกับของ บริษัท องค์อร
ปัจจุบันองค์อรมีเฟอร์นิเจอร์ที่นำที่ได้รับความนิยมเป็นชุดรับแขก ขนาด 5-7 ชิ้น ราคาเฉลี่ยตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป ผู้ซื้อจะใช้วิธีสั่งซื้อหรือระบุได้ตามความชอบ และให้ความสำคัญกับ “ตลาดประจำกลุ่มครอบครัว” ที่ใช้วิธีบอกกันปากต่อปาก ใช้แบรนด์องค์อรตั้งแต่รุ่นคุณพ่อจนถึงมารุ่นลูก
ลูกค้าประจำในประเทศจะประทับใจเรื่อง “บริการหลังการขาย” สามารถติดต่อประสานงานปรับปรุงซ่อมแซมหรือช่วยพนักงานไปช่วยขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ให้ลูกค้าด้วย เนื่องจากบางบ้านอาจจะไม่รู้ขั้นตอนและวิธีเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์อย่างถูกต้อง แล้วการเปลี่ยนผ้าหุ้มเฟอร์นิเจอร์แต่ละชนิดก็พิถีพิถันมาก เปลี่ยนทุกรายละเอียดให้เหมือนของใหม่ทุกชิ้น แตกต่างจากบางแบรนด์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศอาจจะติดต่อร้านจำหน่ายได้ค่อนข้างยากมาก
นายกวิน โตวงศรีเจริญ กล่าวเสริมว่า วางแผนจะนำธุรกิจพลังงานทางเลือกโซลาร์เซลล์เข้ามาเสริมทัพเรื่องการผลิตเฟอร์นิเจอร์แบรนด์องค์อร แล้วทำให้เกิดมูลค่าแบรนด์สินค้าเฟอร์นิเจอร์ไทยอย่างสมบูรณ์แบรนด์ เนื่องจากเป็นการถ่ายทอดองค์ความรู้จากเจนเนอเรชั่นสู่เจนเรชั่นจากรุ่นคุณย่ามาถึงรุ่นคุณพ่อและรุ่นลูกหลาน เป็นคนไทยทำด้วยฝีมือแฮนด์เมด จ้างแรงงานไทยล้วน ๆ สร้างแบรนด์ “องค์อร” มาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ แล้วผลิตทุกอย่างโดยคำนึงคุณภาพการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ มีผลงานชัดเจนจากกลุ่มตลาดระดับบนที่เข้ามาเป็นลูกค้าประจำ นิยมใช้ช่องทางการเลือกซื้อผ่านทางโซเชียลมีเดีย Facebook, Line add วัย 50 ปีขึ้นไป โดยมีพนักงานบริการอย่างใกล้ชิดตลอดการใช้งาน
เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza,www.facebook.com/penroongyaisamsaen
