อคส.แจงข้าวเน่า 2 พันตันไม่ใช่ข้าวของอคส.

อคส.ชี้แจงไปยังผู้ประกอบการคลังหลายครั้งแล้วว่า ข้าวดังกล่าว เป็นข้าวผิดชนิด และเกิดไฟไหม้อคส.ได้ยื่นเรื่องนี้ต่อป.ป.ช.แล้ว

  • ยอมรับเช่าคลังเอกชนฝากเก็บข้าวในโครงการจำนำปี 57
  • แต่ตรวจพบปลอมปน ข้าวผิดชนิด และเกิดไฟไหม้คลังเก็บ
  • เรียกค่าเสียหายจากเจ้าของคลังรวมหลายคดีกว่า 6 พันล้าน

นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการ องค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยถึงกรณีที่เจ้าของคลังสินค้า จ.กำแพงเพชร ที่อคส.เช่าฝากเก็บข้าวในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกมาตั้งแต่ปี 57 เรียกร้องให้อคส.ขนข้าวเน่า 2,000 ตันออกจากคลังภายใน 7 วันว่า อคส.ไม่ได้เพิกเฉยต่อกรณีนี้ แต่อคส.ชี้แจงไปยังผู้ประกอบการคลังหลายครั้งแล้วว่า ข้าวดังกล่าว เป็นข้าวผิดชนิด และเกิดไฟไหม้ โดยในการเช่าคลังเพื่อฝากเก็บข้าวในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกที่ผ่านมา ผู้ประกอบการแจ้งอคส.ว่า ได้รับฝากเก็บข้าวเหนียว แต่เมื่อมีการเข้าไปตรวจสอบในภายหลังกลับพบว่าเป็นข้าวเจ้า ซึ่งเป็นการเข้าไปตรวจสอบในช่วงเช้า แต่พอช่วงบ่ายข้าวดังกล่าวกลับเกิดไฟไหม้ อีกทั้งจากการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า ข้าวดังกล่าวเป็นของผู้ประกอบการ ไม่ใช่ของอคส. ที่ผ่านมา อคส.ได้ยื่นเรื่องนี้ต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสรุปค่าความเสียหายต่ออัยการแล้ว

“ก่อนเกิดไฟไหม้ คณะตรวจสอบคุณภาพข้าวที่รัฐบาลขณะนั้นได้แต่งตั้งขึ้น ได้เข้าไปตรวจสอบข้าวที่เก็บในคลังของผู้ประกอบการรายนี้ พบข้าวมีการปลอมปนและเป็นข้าวผิดชนิด และเมื่อเกิดไฟไหม้ บริษัทประกันภัย ได้ประเมินความเสียหาย และสรุปว่า เป็นข้าวของอคส. 418 ตันเท่านั้น ซึ่งได้ลงนามรับรองปริมาณดังกล่าวร่วมกันทั้ง 6 ฝ่าย คือ ผู้ประกอบการรายนี้ อคส. ผู้แทนสมาคมโรงสีข้าวไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจ บริษัทประกันภัย และบริษัทดูแลข้าว (เซอร์เวเยอร์)” 

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการรายนี้ ยังสร้างความเสียหายต่อราชการจากโครงการรับจำนำสินค้าเกษตร และอคส.ได้เรียกร้องค่าเสียหายรวม 6,248.55 ล้านบาท จากกรณีที่มีข้าวบางส่วนที่อคส.ฝากเก็บ แต่ผู้ประกอบการยึดหน่วง ไม่ยอมให้ผู้ชนะการประมูลข้าวในสต๊อกรัฐที่ผ่านมา เข้าไปขนข้าวออกจากคลังประมาณ 20,000 ตัน ซึ่งอคส.ได้ฟ้องร้องดำเนินคดี 2 คดี ความเสียหาย 1,333.81 ล้านบาท ล่าสุดอยู่ในขั้นตอนของอัยการ 

ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบากรยังคืนข้าวที่เหลือจากการนำไปปรับปรุงตามโครงการ “ข้าวสารถูกใจ” ลดค่าครองชีพประชาชนในช่วงปี 54-55 ให้กับอคส.ไม่ครบ ซึ่งอคส.เรียกค่าเสียหาย 3,640.18 ล้านบาท และล่าสุดกรณีนี้ อยู่ระหว่างการไต่สวนของ ป.ป.ช. หากบริษัทไม่ชดใช้ อคส.จะยื่นเรื่องต่ออัยการเพื่อฟ้องร้องและรวมสำนวนไปยัง ป.ป.ช. ด้วย แม้กรณีข้าวถุงถูกใจ ผู้ประกอบการได้ฟ้องแย้งอคส.อีกหลายคดี รวมถึงกรณีความเสียหายจากโครงการจำนำข้าวเปลือกนาปีปี 56/57 รวม 2 คดี ความเสียหาย 1,223.95 ล้านบาท และโครงการแทรกแซงมันสำปะหลัง ปี 51/52 อีก 1 คดี ความเสียหาย 50.61 ล้านบาท

“ปัญหาที่เกิดขึ้นสร้างอุปสรรคด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย เนื่องจากแม้อคส.แจ้งว่าข้าวไฟไหม้ปริมาณที่เหลือไม่ได้เป็นของอคส.แล้ว แต่มีภาระผูกพันทางคดีระหว่างกัน ก็ขอให้ช่วยกันสะสางปัญหาให้ลุล่วงโดยเร็ว โดยเฉพาะข้าวที่ยังคงค้างส่งมอบอีกกว่า 20,000 ตัน ขออย่ายึดหน่วงไว้ เพราะเมื่อส่งมอบข้าวแล้วเสร็จ จะได้ช่วยกันไม่ให้เกิดความเสียหายแก่รัฐมากไปกว่านี้”