

- ขีดเส้นต้องรู้ผลภายใน 30 วัน ให้ออก หรือไล่ออก
- พร้อมตั้งกรรมการสอบความรับผิดทางละเมิด
- ให้ชดใช้ความเสียหายให้อคส. 2 พันล้านรวมดอกเบี้ย
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้รายงานผลสอบทุจริตจัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่อง มูลค่า 112,500 ล้านบาท ตามที่คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงที่มี พ.ต.อ.สุรพงศ์ เปล่งขำ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ อคส. เป็นประธาน ได้สืบสวนเสร็จสิ้นแล้ว และมีมติ 3 ข้อ ได้แก่ 1.ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 ราย มีความผิดวินัยร้ายแรง และเห็นควรให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายแรงทั้ง 3 ราย ซึ่งมีโทษคือ ให้ลออก หรือไล่ออก
2.คณะกรรมการฯพบความเสียหายที่เกิดขึ้นกับอคส.จากการดำเนินการของทั้ง 3 ราย คือ เงินมัดจำถุงมือยาง 2,000 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ย และความเสียหายอื่นๆ จึงเห็นควรให้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด เพื่อให้ทั้ง 3 รายชดใช้ความเสียหายให้กับอคส. และ 3.เห็นควรให้ส่งผลการสืบสวนข้อเท็จจริงครั้งนี้ ไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประกอบการพิจารณาไต่สวนกรณีทุจริตจัดซื้อถุงมือยางต่อไป
“ได้เร่งรัดให้ดำเนินการเอาผิดกับผู้กระทำผิดให้ถึงที่สุด ผมไม่ปล่อยไว้แน่นอน และสั่งการให้ผู้อำนวยการ อคส.มห้ความร่วมมือกับคณะกรรมการทุกชุด ในการสืบสวนสอบสอนเรื่องนี้ ส่วนเรื่องของประธานบอร์ดอคส. จะลาออกหรือไม่ ให้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเขาว่าควรทำอย่างไร แต่ผมยืนยันว่า ไม่ว่าใครก็ตาม ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด จะถูกดำเนินคดีอย่างเคร่งครัด ไม่มีปกป้องใครทั้งนั้น ขอให้สบายใจได้ ซึ่งบุคคลที่นอกเหนือจากทั้ง 3 รายนี้ ป.ป.ช.กำลังไต่สวนข้อเท็จจริงอยู่ และป.ป.ช.มีอำนาจสอบสวนไปถึงผู้ที่สูงกว่าเจ้าหน้าที่อคส.ทั้ง 3 ราย”
ด้านนายเกรียงศักดิ์ ผู้อำนวยการ อคส. กล่าวว่า วันจันทร์ที่ 22 มี.ค.นี้ ตนจะออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง เจ้าหน้าที่อคส.ทั้ง 3 ราย มีกรอบระยะเวลาพิจารณา 30 วัน และตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด โดยจะมีตัวแทนจากกระทรวงการคลังร่วมด้วย มีกรอบระยะเวลาพิจารณา 60 วัน ส่วนผลสืบสวนข้อเท็จจริงทั้งหมดกว่า 900 หน้าจะจัดส่งป.ป.ช.วันที่ 19 มี.ค.นี้ เพื่อขยายผลต่อไป ส่วนสัญญาค้าถุงมือยางที่ทำกับเอกชนนั้น ถือเป็นโมฆะทั้งหมด
“ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับอคส. 2,000 ล้านบาท รวมดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ขณะนี้ ยังไม่ทราบว่า จะมียอดเงินทั้งหมดเท่าไร ต้องรอให้ศาลเป็นผู้พิจารณา แต่คร่าวๆ คือ ในส่วนของดอกเบี้ย จะเป็นดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ที่อคส.ต้องสูญเสียไปจากการถอนเงิน 2,000 ล้านบาทออกจากบัญชีของอคส. เพื่อไปจ่ายค่ามัดจำถุงมือยาง ซึ่งอยู่ที่อัตรา 2% ต่อปี
ส่วนพ.ต.อ.สุรพงศ์ กล่าวว่า หลังจากที่คณะกรรมการฯได้สืบสวนข้อเท็จจริงเสร็จแล้ว และได้แจ้งข้อกล่าวให้กับเจ้าหน้าที่ของอคส.ทั้ง 3 รายไปแล้วก่อนหน้านี้ว่า จัดซื้อถุงมือยางโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และให้เวลาทั้ง 3 รายแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน หลังจากครบ 15 วันเมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา ทั้ง 3 รายได้ทำเอกสารมาแก้ข้อกล่าวหา พร้อมกับปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด แต่คณะกรรมการฯพิจารณาแล้วว่า มีพยานหลักฐาน และเอกสารต่างๆ ที่ชี้ชัดว่าทั้ง 3 รายมีความผิดวินัยร้ายแรง จึงเสนอให้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง และคณะกรรมการรับผิดทางละเมิด เพื่อให้ชดใช้ความเสียหายให้กับอคส.
ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวว่า เจ้าหน้าที่ 3 ราย ที่ถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ได้แก่ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาการผู้อำนวยการ อคส. และเจ้าหน้าที่ระดับบริหาร 8 อีก 2 ราย คือนายเกียรติขจร แซ่ไต่ และนายมูรธาธร คำบุศย์ ขณะเดียวกัน บอร์ดอคส.จะมีการประชุมประจำเดือนวันที่ 30 มี.ค.นี้ โดยนายสุชาติ ยังนั่งเป็นประธานเหมือนเดิม