หุ้นสหรัฐฯเปิดไร้ทิศทางโดยดาว โจนส์ยืนบวกขณะที่อีกสองตลาด ติดลบกังวลการเมืองถอดถอนประธานาธิบดี

  • ตลาดจับตากระบวนการถอดถอนนายทรัมป์ที่เริ่มแล้วอย่างเป็นทางการ
  • ขณะที่ทิศทางการเจรจาการค้าจีน-สหรัฐฯ ยังไม่เห็นแนวโน้มมีข้อยุติ
  • นักลงทุนเล่นหุ้นตามปัจจัยรายตัว รอปัจจัยใหม่หนุนตลาด

ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ เปิดตลาดค่อนข้างไร้ทิศทางทั้งบวกและลบ หลังจากการเริ่มต้นกระบวนการถอดถอนประธานาธิบดีสหรัฐฯ และทิศทางการเจรจาการค้าจีน-สหรัฐฯไม่แจ่มใส โดยเมื่อเวลาประมาณ 21.35 น.ตามประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวอยูที่ 26,888.67 จุด บวกเพิ่มขึ้น 80.90 จุด +0.30% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิท เคลื่อนไหวอยู่ที่ 7,980.17 จุด ติดลบ 13.46 จุด หรือ -0.14% ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวอยู่ที่ 2,966.22 จุด ติดลบ 0.38 จุด หรือ -0.01%

นักลงทุนยังคงจับตาและมีความกังวลต่อความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐฯ หลังกระบวนการไต่สวนเพื่อถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากตำแหน่งเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ หลังจากนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ประกาศการเริ่มกระบวนการวานนี้

จากรายงานที่ระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เพื่อกดดันให้มีการสอบสวนบุตรชายของนายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งเป็นคู่แข่งคนสำคัญในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยหน้า โดยการกระทำดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการเปิดทางให้รัฐบาลต่างชาติเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐ

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ ยังได้สั่งระงับการให้งบช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนจำนวนราว 400 ล้านดอลลาร์ในช่วง 1 สัปดาห์ก่อนที่เขาจะโทรศัพท์ติดต่อนายเซเลนสกี ซึ่งมีการมองกันว่า นายทรัมป์กำลังใช้งบช่วยเหลือทางทหารของสหรัฐเพื่อกดดันนายเซเลนสกีให้มีการสอบสวนนายไบเดน และบุตรชาย

ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังกังวลว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะไม่สามารถยุติในทางที่ดี หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้กล่าววิพากษ์วิจารณ์จีนในเวทีการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติวานนี้ว่า จีนมีการดำเนินการทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม และปธน.ทรัมป์จะไม่ยอมรับข้อตกลงการค้าที่ทำให้ชาวอเมริกันเสียเปรียบ โดยรัฐบาลจีนให้การอุดหนุนทางการค้าจำนวนมาก มีการปั่นค่าเงิน มีการบังคับถ่ายโอนเทคโนโลยี รวมทั้งขโมยทรัพย์สินทางปัญญา และความลับทางการค้า

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงลงทุนตามข่าวรายบริษัทที่ทยอยออกมา โดยราคาหุ้นไนกี้ อิงค์ พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันนี้ หลังบริษัทเปิดเผยผลประกอบการสูงกว่าคาดในช่วงเดือนมิ.ย.-ส.ค. ซึ่งเป็นไตรมาส 1 ตามปีงบการเงินของบริษัท โดยในหุ้นกลุ่มที่มีการซื้อขายสูงสุด หุ้นแอปเปิลกลับมาซื้อขายเพิ่มข