

บทความของ Fortune Asia ได้รายงานถึงสถานการณ์ตลาดหลักทรัพย์ของประเทศจีน ซึ่งมีขนาดใหญ่อันอับสองของโลกรองจากสหรัฐฯ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ทรุดตัวลง ซึ่งเกิดเหตุการณ์สำคัญๆ ในตลาดขึ้นมา
ภาพรวมแล้วมูลค่าของตลาดหุ้นจีนและฮ่องกง มูลค่าตลาด ลดลงมหาศาลถึง 6.3 ล้านล้านดอลลลาร์ หรือมากกว่า 223 ล้านล้านบาท หลังจากตลาดหลักทรัพย์จีนได้ทำสถิติสูงสุดในปี 2021 มูลค่าสูงสุด 18.3 ล้านล้านดอลล่าร์ หรือประมาณเกือบ 650 ล้านล้านบาท
ส่งผลให้กรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่นขึ้นแซงหน้ามหานครเซี่ยงไฮ้ในฐานะการเป็นตลาดตราสารใหญ่ที่สุดในเอเชีย ขณเะที่การประเมินมูลค่าตลาดในอินเดียทำสถิติสูงสุดเหนือกว่าจีน
การล่มสลายของตลาดทลักทรัพย์จีน กำลังสร้างความหายนะห้กับอุตสาหกรรมการจัดการสินทรัพย์ของประเทศ ส่งผลให้การกองทุนรวมทำสถิติต่ำสุดในรอบห้าปี
รัฐบาลจีนได้พยายามสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนด้วยการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ แต่ทำให้เกิดความสงสัยว่าเมื่อไรจะดีขึ้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นล่าสุด ดัชนี Hang Seng China Enterprises ลดลงถึง 11% ในปี 2024 หลังดัชนี Nasdaq Golden Dragon China ลดลงมากถึง 2.2% ในช่วงเริ่มต้นการซื้อขายของสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ ส่งผลให้มีการขาดทุนต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน
จอห์น ลิน ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนด้านตลาดหุ้นจีนของ AllianceBernstein กล่าวว่า จนถึงขณะนี้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจแบบบีบยาสีฟันเหล่านี้ยังไม่สามารถดันปัจจัยพื้นฐานจากล่างขึ้นบนของภาคส่วนต่างๆ เช่น ภาคอสังหาริมทรัพย์ขึ้นมาได้ นี่เป็นสิ่งที่เห็นในปีนี้คือความต่อเนื่องของสิ่งที่เราเห็นในปีที่แล้ว
Bank of America ได้ทำการสำรวจผู้จัดการกองทุนในเอเชียพบว่าได้ลดการจัดสรรในจีนลง 12% เหลือน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์สุทธิ 20% ซึ่งต่ำที่สุดในรอบกว่าหนึ่งปี
ปัญหาที่กระทบกระเทือนต่อตลาดจีนที่เห็นได้เชัดเจนก็คือภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนยังคงเป็น จุดที่มีปัญหาแรงกดดันจากภาวะเงินฝืด กำลังก่อตัวขึ้น และความบาดหมางที่ดำเนินมายาวนานระหว่างปักกิ่งและวอชิงตันปฏิเสธที่จะคลี่คลายลง โดยการเลือกตั้งของสหรัฐฯ จะมีขึ้นในปลายปีนี้ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา รวมไปถึวความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางของอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ และภัยคุกคามจากความตกต่ำของอนุพันธ์หุ้นในประเทศได้เพิ่มความกังวลให้กับนักลงทุน
มาร์ก แมทธิวส์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยเอเชียของ Bank Julius Baer & Co. กล่าวว่าจีนเป็นตลาดที่ต้องรอคอยการลงทุนต่อไป เราต้องรอคอย ตอนนี่ส่วนใหญ่นักลงทุนหลีกเลี่ยงตลาดหลักทรัพย์จีน
ความพยายามของรัฐบาลปักกิ่งในการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนกลับเต็มไปด้วยความกังขาจากนักลงทุน ซึ่งหลายคนกังวลว่าทางการอยู่เบื้องหลัง ในขณะที่ธนาคารประชาชนจีนดำเนินการเมื่อเดือนที่แล้วเพื่ออัดฉีดเงินสดเข้าสู่ระบบการเงิน แต่ก็สวนทางกับความคาดหวังอย่างกว้างขวางในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่สำคัญเมื่อวันจันทร์
นายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียงของจีน กล่าวถึงความสามารถของประเทศของเขาในการบรรลุเป้าหมายการเติบโตประมาณ 5% ในปี 2566 การกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่
แต่นักวิเคราะห์มองว่า ดัชนี MSCI China ไม่เคยมีราคาถูกเท่านี้มาก่อนเมื่อเทียบกับดัชนี S&P 500 ทำให้มีการสูญเสียความมั่นใจมาก ซึ่งมองกันว่าการฟื้นของเศรษฐกิจจีนในระยะสั้นไม่เกิดขึ้นจริง
#TheJournalistClub