หอการค้าไทยแนะรัฐปรับแผนฉีดวัคซีนใหม่

.หลังแอสตราฯยันส่งวัคซีนครบ 61 ล้านโดสในสิ้นปีนี้

.แนะฉีดแรงงานภาคผลิต-จังหวัดท่องเที่ยว-กลุ่มเสี่ยง

.พร้อมเสนอฉีดเข็ม 3 ให้คนกรุงที่ฉีดซิโนแวกครบโดสแล้ว

นายสนั่น  อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงกรณีแอสตราเซเนกายืนยันจะส่งมอบวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับไทยครบ 61 ล้านโดส ภายในเดือนธ.ค.นี้ ว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดี และส่งจะผลดีต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดในประเทศ เพราะภายในสิ้นปีนี้ ไทยจะมีวัคซีนรวมกันแล้วเกินกว่า 120 ล้านโดส ครอบคลุมประชากรกว่า 60 ล้านคน ซึ่งเร็วกว่าแผนเดิมที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายจะจัดหาวัคซีน 100 ล้านโดส สำหรับประชากร 50 ล้านคน และหากเร่งฉีดได้ครบตามจำนวนวัคซีนที่มี จะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้เร็วยิ่งขึ้น ช่วยให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ในขณะที่ภาคธุรกิจสามารถดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น  

อย่างไรก็ตาม จำนวนวัคซีนที่จะเข้ามาเพิ่มเติมนั้น รัฐบาลต้องปรับแผนการกระจายวัคซีนให้สอดคล้องตามไปด้วย ซึ่งหอการค้าไทยยืนยันว่า ศูนย์ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลทั้ง 25 ศูนย์ของภาคเอกชน ยังสามารถรองรับปริมาณผู้เข้ารับบริการได้มากถึงวันละ 80,000 คน รวมถึงต้องเร่งกระจายการฉีดให้กับแรงงานในภาคการผลิตเพื่อส่งออก ที่เป็นฟันเฟืองสำคัญต่อเศรษฐกิจประเทศด้วย  

           
“การวางแผนกระจายวัคซีนและฉีดวัคซีนให้ได้ตามเป้าหมายเป็นเรื่องสำคัญ แต่ที่ผ่านมาวัคซีนยังเข้าถึงประชาชนได้ไม่ดีพอ โดยเฉพาะในต่างจังหวัด เพราะปริมาณวัคซีนที่มีจำกัด แต่เมื่อมีปริมาณที่เพิ่มขึ้นแล้ว ก็ต้องจัดสรรและกระจายให้ทั่วถึงตามลำดับความจำเป็น เช่น กลุ่มประชาชนในภาคการผลิต เพื่อให้ภาคการผลิตไม่หยุดชะงัก และกระจายไปยังต่างจังหวัดให้มากขึ้น โดยเฉพาะจังหวัดท่องเที่ยว เพื่อให้เศรษฐกิจในท้องถิ่นเริ่มกลับมาได้ รวมถึงประชาชนกลุ่มเสี่ยง ทั้งผู้สูงอายุ ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรค และสตรีมีครรภ์” 

นอกจากนี้ ภาครัฐควรเริ่มมองหาแนวทางการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้กับประชาชนในกรุงเทพฯ ที่ได้รับวัคซีนซิโนแวก 2 เข็มไปแล้ว เพราะคนกลุ่มนี้เริ่มมีภูมิต้านทานลดลง และไม่สามารถป้องกันสายพันธุ์เดลต้าได้ จึงจำเป็นต้องได้รับการกระตุ้นด้วย ทั้งนี้ หอการค้าไทยจะติดตามว่า วัคซีนจะเข้ามานั้น มาถึงไทยในช่วงเวลาใด จำนวนเท่าไร และกระจายไปยังจังหวัดใดบ้าง เพื่อที่จะได้วางแผนการดำเนินงานล่วงหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

ส่วนนางสาวปณาลี  ภัทรประสิทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ดอนเมืองพัฒนา จำกัด ผู้บริหารตลาดสี่มุมเมือง กล่าวว่า การมีวัคซีนเพียงพอและการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นการควบคุมโรคและทำให้คนกลับมาประกอบอาชีพได้ตามปกติ  โดยตลาดสี่มุมเมืองเป็นศูนย์กลางค้าส่งขนาดใหญ่ของประเทศ มีแรงงานและพ่อค้าแม่ค้ากว่า 40,000 คน เป็นแหล่งรวมสินค้าจากเกษตรกรทั่วประเทศ การฉีดวัคซีนอย่างรวดเร็ว จะทำให้ผู้คนมีความมั่นใจที่จะอยู่กับโรคนี้ และทำมาหากินได้ตามปกติ