หวั่นเงินเฟ้อ-ดอกเบี้ยพุ่ง ดาวโจนส์ร่วงแรง 473จุด



.นักลงทุนถล่มขายหุ้น วิตกกังวลเงินเฟ้อสหรัฐพุ่ง
.หุ้นร่วงหนักแทบทุกกลุ่ม นำโดยกลุ่มเทคโนโลยีเจ้าเก่าและกลุ่มพลังงาน
.ตลาดจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย.ของสหรัฐในวันนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 11 พ.ค.ที่ 34,269.16 จุด ลดลง 473.66 จุด หรือ -1.36% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,152.10 จุด ลดลง 36.33 จุด หรือ -0.87% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 13,389.43 จุด ลดลง 12.43 จุด หรือ -0.09%

ไรอัน เดทริค นักวิเคราะห์จากบริษัทแอลพีแอล ไฟแนนเชียล ในรัฐนอร์ธแคโรไลนา กล่าวว่า ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อไม่เพียงแต่ฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังกดดันให้เกิดแรงเทขายในหุ้นกลุ่มอื่นๆเป็นวงกว้าง

โดยปัจจัยที่ทำให้เกิดความกังวลดังกล่าวมาจากการที่สหรัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นวงเงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รวมทั้งราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น และล่าสุดทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ถึงภาวะขาดแคลนแรงงาน

สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน พุ่งขึ้น 8% สู่ระดับ 8.12 ล้านตำแหน่งในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในเดือนธ.ค.2543

ทั้งนี้ ตัวเลข JOLTS นับเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสนใจ โดยมองว่าเป็นมาตรวัดภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยในการพิจารณานโยบายการเงิน และอัตราดอกเบี้ยของเฟด

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 2.56% โดยหุ้นเอ็กซอน
โมบิล ร่วงลง 3.18% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ร่วงลง 2.19% หุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 2.62% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ร่วงลง 7.89%

ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารดิ่งลง 1.67% โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 1.14% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดิ่งลง 2.39% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ลดลง 1.66% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 1.79%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถูกเทขายอย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นอินเทล ร่วงลง 1.66% หุ้นแอปเปิล ลดลง 0.74% หุ้นไมโครซอฟท์ ปรับลง 0.38% หุ้นอัลฟาเบท ลดลง 0.95%

หุ้นโนวาแวกซ์ ดิ่งลง 13.91% หลังจากบริษัทประกาศเลื่อนกำหนดเวลาการผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 อีกครั้ง และคาดว่าจะไม่สามารถยื่นขออนุมัติการใช้งานจากหน่วยงานกำกับดูแลในสหรัฐ, อังกฤษ และยุโรปได้จนกว่าจะถึงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ เนื่องจากทางบริษัทยังคงเผชิญความยากลำบากในการเข้าถึงวัตถุดิบและอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการผลิตวัคซีน

หุ้นโบอิ้ง ปรับตัวลง 1.75% หลังบริษัทเปิดเผยยอดการส่งมอบเครื่องบินรุ่น 737 MAX เพียง 4 ลำเท่านั้นในเดือนเม.ย. เนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับระบบไฟฟ้า

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งหากตัวเลข CPI พุ่งขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ก็จะทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และหนุนให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดีดตัวขึ้น รวมทั้งอาจส่งผลให้เฟดชะลอการผ่อนคลายนโยบายการเงิน โดยอาจลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพื่อสกัดเงินเฟ้อ จากปัจจุบันที่เฟดทำ QE อย่างน้อย 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือน